นายกฯ ประชุมสภานโยบายฯ เร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย เคาะแนวทางนำอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หนุนอุตสาหกรรมขั้นสูงตามความต้องการของประเทศ ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ผลิตคนรองรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กว่า 80,000 คน พร้อมเห็นชอบกรอบงบ อววน. ประจำปี 69
วันที่ 18 ตุลาคม 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมการประชุม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 ว่า เป็นครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมสภานโยบายฯ ซึ่งก่อนหน้านี้การประชุมสภานโยบายฯ มีการประชุมในประเด็นสำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะแนวทางการขับเคลื่อนการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือการพัฒนาองค์ความรู้ชั้นสูง และสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ก่อให้เกิดรายได้และสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้กับประชาชน และประเทศชาติ
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การประชุมวันนี้มีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นไปในการทำงานวิจัย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำมาต่อยอดอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ให้สามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ดึงดูดนักลงทุน และสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุตสาหกรรม 4 + 2 เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง โดยทั้ง 4 อุตสาหกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย (1) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) (2) อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) (3) อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง (Semiconductor & Advanced Electronics) (4) อุตสาหกรรมการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medical Industry) รวมไปถึงอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต คือ 1) เปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) และ 2) การสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
...
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการพัฒนาบุคลากร ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ คือ การผลิตบุคลากรให้สามารถตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมได้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาทักษะ Upskill และ Reskill ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อการเรียนรู้ให้กับประชาชน ผ่านการผลักดันระบบคลังหน่วยกิตกลาง (National Credit Bank: NCB) เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ให้ทุกช่วงวัย โดยหวังว่านโยบายของสภา อววน. จะช่วยผลักดันความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์และสังคม แก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ และนำผลงานวิจัยไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ สร้างรายได้ และมีส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนพัฒนาประเทศต่อไป
โดยที่ประชุมเห็นชอบ กรอบแนวทางการนำการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อววน. เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงตามความต้องการของประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขับเคลื่อนภารกิจด้าน อววน. ให้ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ โดยการผลิตและพัฒนากำลังคนทักษะสูงเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม มุ่งเน้นใน 4 อุตสาหกรรมเป้าหมายและ 2 วาระ สำคัญเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 2) อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) 3) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ 4) อุตสาหกรรมการแพทย์ขั้นสูง และวาระสำคัญ 2 วาระ ประกอบด้วย 1) การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด และ 2) การสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งในมิติของการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การจัดการมลพิษ และการลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงของประเทศ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ครอบคลุมทั้ง Ecosystem ของอุตสาหกรรมดังกล่าว ตั้งแต่การผลิตกำลังคน การยกระดับผู้ประกอบการ ไปจนถึงการพัฒนาศูนย์ทดสอบ โดยในระยะ 5 ปี รัฐบาลตั้งเป้าผลิตกำลังคนเฉพาะทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ไม่ต่ำกว่า 80,000 คน เพื่อรองรับการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมถึงเพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ จากต่างประเทศ ผ่านหลักสูตรในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ได้ออกแบบร่วมกันกับภาคอุตสาหกรรม หรือหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ (Higher Education Sandbox) ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่สามารถผลิตกำลังคนที่มีทักษะและสมรรถนะตรงตามความต้องการได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดตั้ง Training Center 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อยกระดับและเพิ่มพูนทักษะใหม่ ๆ ให้แก่กำลังแรงงานที่อยู่ในระบบ รวมถึงการวิจัยร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงชั้นนำของโลกได้ในอนาคต
และเห็นชอบโครงการระบบคลังหน่วยกิตกลางหรือ National Credit Bank System ซึ่งในอนาคตผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิตที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเรียนรู้ในห้องเรียน แต่ยังสามารถสะสมหรือเทียบโอนหน่วยกิตที่ได้จากการทำงานหรือประสบการณ์วิชาชีพต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำหน่วยกิตที่ได้ไปเทียบเป็นคุณวุฒิต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีลักษณะสำคัญ คือ การจับคู่ทักษะ ซึ่งผู้เรียนจะสามารถรู้ได้ว่าตนเองยังขาดทักษะหรือความรู้ในด้านใด และจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกประสบการณ์ด้านใดเพิ่มเติม เพื่อนำตนเองไปสู่เป้าหมายอาชีพที่ต้องการทำในอนาคตได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ที่สามารถมอบรูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น และสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาให้กับประชากรทุกกลุ่ม โดยไม่มีข้อจำกัดด้านอายุและวุฒิการศึกษา
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษา และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 160,136 ล้านบาท โดยงบประมาณด้านการอุดมศึกษาประมาณ 115,000 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในการผลิตและพัฒนากำลังคนทั้งในระบบปริญญา (Degree Program) และหลักสูตรระยะสั้น (Non-degree Program) โดยตั้งเป้าผลิตนักศึกษาในหลักสูตรที่สอดคล้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศกว่า 670,000 คน และกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์กว่า 133,000 คน โดยงบประมาณดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ เช่น การสร้างกำลังคนทักษะสูงในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ๆ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 20,000 คน การสร้างบัณฑิตที่ตอบโจทย์การพัฒนาเชิงพื้นที่ ไม่น้อยกว่า 1,000 คน การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีทักษะสมัยใหม่ ไม่น้อยกว่า 1,000 วิสาหกิจ เป็นต้น ในส่วนของงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการแก้ไขประเด็นวิกฤตและเร่งด่วนของประเทศ โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม