หมายจับปลิวว่อนพิษธุรกิจแชร์ลูกโซ่ขายตรง THE iCON GROUP
ลามเขย่าหลายอาชีพแปดเปื้อน ตั้งแต่ดารา นักร้อง พิธีกรแถวหน้า นักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ สะดุ้งไม่เว้นวงการผ้าเหลือง
ที่เจ็บตัวหนักเป็นพิเศษคือ พรรคพลังประชารัฐ โดนเอฟเฟกต์ธุรกิจ THE iCON GROUP เสียศูนย์ ถูกสังคมตั้งข้อสงสัย คลิปเสียงตัวจี๊ดคนในพรรค มีเอี่ยวตบทรัพย์แลกการช่วยเหลือบริษัทดังที่ถูกร้องเรียนก่อนหน้านี้หรือไม่
กดดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกทีมทนายความยื่นหนังสือให้ตรวจสอบพฤติกรรมสมาชิกพรรค โยงขบวนการรีดทรัพย์จริงหรือเปล่า
คลิปเสียงกลายเป็นของไม่ถูกโฉลกพลังประชารัฐ เป็นเผือกร้อนลวกมือพอง ตั้งแต่หัวหน้าพรรค ยันลูกน้องซ้ำแล้วซ้ำอีก
กระสุนตกใส่ “บิ๊กป้อม” ต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้เพิ่งถูกยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบทริป “กินหรู อยู่สบาย” ไฟลท์บินเมืองนอก เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานรัฐรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. และยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบจริยธรรม กรณีขาดประชุมสภาฯนับครั้งไม่ถ้วน
ลุงบ้านป่าอยู่ในช่วงขาลง มีเรื่องพุ่งใส่ถี่ๆ ถูกย้อนศรเกมนิติสงคราม จากที่เคยเป็นฝ่ายรุกไล่ กลายเป็นฝ่ายถูกกระบวนการนิติสงครามรุกไล่กลับ
จังหวะเคราะห์หามยามซวย กรณี THE iCON GROUP ที่คนในพรรคโดนลากเข้าร่างแห กระทบความน่าเชื่อถือ ทำภาพลักษณ์พรรคติดลบ อนาคตพรรคยิ่งหมิ่นเหม่ เสี่ยงเลือดไหลออกเพิ่มขึ้น
เข้าทาง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้โอกาสกระโจนล่าแต้มเพิ่ม สั่งการขึงขังทุกหน่วยงานแก้ปัญหาธุรกิจแชร์ลูกโซ่เร่งด่วน
กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กำหนดมาตรการเข้มข้น ทั้งการรับแจ้งความ การบังคับใช้กฎหมาย การป้องกันสินค้าไม่ได้มาตรฐาน การออกหลักเกณฑ์สกัดธุรกิจแชร์ลูกโซ่
...
ลุยตอกฝาโลงธุรกิจแชร์ลูกโซ่ทุกมิติ แข็งขันทำผลงานเพิ่มแต้มในสายตาประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
ทำคะแนนมันมือ ล่าสุดเพิ่งคิกออฟโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก ทั้งลดค่าเช่าแผงในพื้นที่หน่วยราชการ การเพิ่มพื้นที่ขายของในค่ายทหาร ศาลากลางจังหวัด การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ช่วยลดต้นทุนค่าครองชีพให้ผู้ประกอบการรายย่อย ต่อยอดการแจกเงินหมื่น คั่นเวลาในช่วงที่นโยบายเรือธงหลักอย่างดิจิทัลวอลเล็ตเฟสสอง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถูกแช่แข็ง คาราคาซัง ไม่รู้จะชัดเจนเมื่อใด
จังหวะประจวบเหมาะเป็นใจกับที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 2.25% ต่อปี บรรเทาภาระหนี้ประชาชน
พอให้เห็นสัญญาณบวก ปลุกเศรษฐกิจ กระตุ้นภาคธุรกิจมีแรงจูงใจในการลงทุนมากขึ้น
ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มเห็นวี่แววดี แต่ที่ต้องลุ้นหนักคือ สัญญาณการเมืองยังขลุกขลัก ต้องเปิดดีลเจรจาพรรคร่วมรัฐบาลตลอดเวลา
อย่างที่เห็นความขัดแย้งเรื่องการนิรโทษกรรม มาตรา 112 เอาแค่นำรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กว่าจะเข้าสู่วาระประชุมสภาฯได้ ก็ต้องเลื่อนอยู่หลายรอบ
พรรคร่วมรัฐบาลไร้สัญญาณตอบรับ ไม่อยากเล่นด้วย ออกลูกประสานงามากกว่าประสานงาน
แนวโน้มแม้ตัวรายงานจะผ่านสภาฯได้ แต่คงฝ่าด่านออกมาเป็นตัวกฎหมายลำบาก
ติดขัดต่อเนื่องไปถึงการแก้รัฐธรรมนูญที่ยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไร สถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ถือแต้มต่อ ทั้งการนิรโทษกรรม การแก้รัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งการแก้ไข พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ
ผิดปกติการเป็นพรรคเสียงข้างมากในรัฐบาล แต่ไม่สามารถชิงความได้เปรียบได้ กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องคอยรอมชอมอำนาจกับเพื่อนร่วมรัฐบาลต่อเนื่อง
นโยบายหาเสียงที่เคยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างการแก้รัฐธรรมนูญส่อเค้าเครื่องช็อตไปดื้อๆ เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น
“นายกฯอิ๊งค์” ต้องนัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลดินเนอร์หาทางออกวันที่ 21 ต.ค.นี้ ยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไร
ท่าทีนายกฯหญิงบอกแค่จะพยายามทำเต็มที่ ไม่ต่างจากฝั่งลูกพรรคเพื่อไทยก็หลุดปาก ถ้าทำไม่ทันก็ไม่ใช่ความผิดพรรคเพื่อไทย เพราะทำเต็มที่แล้ว สุ่มเสี่ยงความมั่นใจแก้กติกาประเทศลดโทนเข้มข้น หลังติดล็อกพลังต่อรองพรรคร่วมรัฐบาล
ส่งสัญญาณเปิดทางหนีทีไล่ ดีลแล้วไม่จบ อาจถอดใจล้มโต๊ะดื้อๆ!!!
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม