“พิชัย” รมว.คลัง เชื่อ เศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลบวก หลัง กนง.ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย หวังทุกฝ่ายร่วมมือฟื้นสภาพคล่อง มอง ธปท. จะพิจารณาเพิ่มกรอบเงินเฟ้อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ตุลาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบาย จะมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ว่า เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยเป็นการลดภาระ แน่นอนว่าการที่คนจะเข้าไปกู้ใหม่เพราะดอกเบี้ยถูกลง 0.25% คงไม่ใช่ประเด็น แต่อยู่ที่ว่าคนมีหนี้เยอะก็จะได้แบ่งเบาด้วย รวมถึงมีผลต่อความเชื่อมั่น เพราะบรรดาเงินกู้ที่อยู่ในตลาด โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) ก็น่าจะมีผลต่อผู้ที่ลงทุนรุ่นเก่า ฉะนั้น ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเป็นผลในทางบวก
นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า กนง. ได้หยิบประเด็นที่เราควรพูดถึง คือหนี้บุคคลและหนี้เอสเอ็มอี ซึ่งตนมองว่าเราชี้ถูกที่แล้ว แต่จริงๆ ต้องมีสภาพคล่อง ดังนั้นต้องหาทางคุยกันต่อไป โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้มีการปล่อยสภาพคล่องเข้ามาในตลาดมากขึ้น ซึ่งทางธนาคารภาครัฐได้ทำเต็มที่แล้วทุกมิติและทำจำนวนมาก โดยที่เราคำนึงว่าเราทำได้ เพราะสถานะของสถาบันภาครัฐในช่วงที่ผ่านมามีความเข้มแข็งเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ก็อยากเห็นทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งการลดดอกเบี้ยลงก็น่าจะมีผลทำให้สภาพคล่องไหลกลับมาส่วนหนึ่ง แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องดู 2 เรื่อง ได้แก่
เรื่องแรก เราหนีไม่พ้นเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่คิดเฉพาะประเทศไทย ซึ่งต้องดูองค์ประกอบ แนวคิด วิธีคิด และแนวโน้มของประเทศที่มีผลต่อโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรป จึงหวังว่าไม่ใช่เฉพาะครั้งนี้ แต่ต้องมีการศึกษาติดตามอย่างใกล้ชิด
...
เรื่องที่ 2 เราคงเห็นว่าเงินเฟ้อปีนี้ คงไม่ถึง 1% ซึ่งหมายความว่าเราจะพลาดโอกาสในการทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะเงินเฟ้อก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นทั้งภาคการผลิตให้สามารถรองรับได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากคาดการณ์ว่าปีต่อๆ ไป จะมากกว่า 1% เราก็ต้องฝากให้คิดแล้ว เพราะปีที่แล้วก็มีการพูดในลักษณะว่าอัตราเงินเฟ้อจะขึ้น แต่ความจริงไม่ขึ้น ซึ่งเราต้องดูข้อเท็จจริงให้มากขึ้น ทั้งนี้ คิดว่าหลายเรื่องเป็นผลดีระดับหนึ่ง และคิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาดู ก็ต้องขอบคุณที่ดูอย่างละเอียดรอบคอบ และหวังว่าจะดูต่อเนื่องโดยเฉพาะตอนนี้ และดูว่าจะมีนโยบายต่อไปอย่างไร
เมื่อถามว่าการประชุมครั้งหน้าคาดหวังหรือไม่ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องมากกว่า 0.25% นายพิชัย ตอบว่า เราก็ต้องดู เพราะเศรษฐกิจของเราผูกกับเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก เราต้องปรับปรุงภายในอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ต้องติดตามต่อเนื่องว่าสถานการณ์ในต่างประเทศจะมีแนวโน้มอย่างไร ซึ่งคณะกรรมการของเราต้องคิดให้หนักว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนคำถามว่า กรอบเงินเฟ้อควรปรับให้อยู่ที่ 2-3% หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เราก็คาดหวังอย่างนั้น หากเราอยากช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น ก็ต้องตั้งให้สูงกว่าปัจจุบัน เพราะถ้าต่ำกว่า 1% ตนคิดว่าคงไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามต่อ ต้องปรับในปีนี้หรือไม่ นายพิชัย ตอบว่า ปกติเราตกลงกันเป็นปีต่อปีอยู่แล้ว และช่วงนี้ก็ใกล้สิ้นปี ก็ต้องมาคุยกัน ทุกฝ่ายต้องเตรียมข้อมูลเพื่อมาพิจารณาต่อไป เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้ ธปท. พิจารณาลดดอกเบี้ย ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลขอให้ลดมาตลอด นายพิชัย เผยว่า ต้องไปถามคณะกรรมการ ธปท. อย่างไรก็ตาม เมื่อถามย้ำว่าเพราะมีความเชื่อมั่นต่อนโยบายหรือตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิชัย ระบุว่า คิดว่าจากนี้ไปทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ