เพื่อไทย ดาหน้าโต้ “ธีรยุทธ” รับงานร้อง“ทักษิณ” ครอบครอง ครอบงำ เพื่อไทย เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน “ชูศักดิ์” เฉ่งพยายามผูกโยง 6 คำร้องพฤติการณ์กระทำผิด ไกลเกินกว่าเหตุไปมากที่จะกล่าวหาล้มล้างการปกครอง ฉะพรรคชักใยเบื้องหลังชื่ออยู่ในคำร้อง กล่าวหานายใหญ่กดปุ่มเขี่ยทิ้ง พปชร.พ้นรัฐบาล “สุริยะ” อัดเลอะเทอะมาก ขุดปมเก่านับสิบปีมาตีกิน แจงเจรจากัมพูชา แบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ช่วยลดต้นทุนพลังงานให้ถูกลง “เด็จพี่” เอาคืนไล่สอบเส้นทางการเงินนักร้อง ยื่น ป.ป.ช.สอย “บิ๊กป้อม” ทัวร์นอก 3ทริปกินหรูอยู่สบาย รับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท มีโทษจำคุก ตัดสิทธิการเมือง-ถอดถอนพ้นตำแหน่ง “นายกฯอิ๊งค์” ปิดจ๊อบเวทีผู้นำอาเซียน หนุนสานสัมพันธ์มิตรภายนอก ปลื้มนายกฯออสซีคลั่งไคล้ “หมูเด้ง”

จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความ พระพุทธะอิสระ อดีตมือร้องยุบพรรคก้าวไกล เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง โดยอ้าง 6 พฤติการณ์การกระทำความผิด ขณะที่พรรคเพื่อไทยดาหน้าโต้เป็นคำร้องที่ไกลเกินจริง

“ชูศักดิ์” ซัดคำร้อง “ธีรยุทธ” ไกลไปมาก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้สั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย (พท.) เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันว่า การยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเทียบความผิดประเภทนี้เท่ากับกบฏ เป็นการร้องขอเพื่อให้เลิกกระทำ คำร้อง 6 ข้อที่ร้องมาไกลกว่าเหตุที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำร้องพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกลว่ากัดเซาะบ่อนทำลาย มันไกลกว่าเหตุมาก นายทักษิณ พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ บอกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย บรรยายเกินไป เรื่องสถาบันทั้งนายทักษิณและพรรค พท.ยึดมั่นมาตลอด การแก้รัฐธรรมนูญ ปี 50 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศได้แนะนำมาผ่านคณะทำงานว่าหากจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ห้ามแตะ รัฐบาลนี้ชัดเจนไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 ที่บอกว่าร่วมมือกับฝ่ายค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ การร่วมมือกันทำกฎหมายผิดอะไร

...

คนอยู่เบื้องหลังระบุชัดในคำร้อง

นายชูศักดิ์กล่าวว่า โดยรวมไม่น่าวิตกกังวล ต้องรอดูศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่ หากรับยินดี มีคณะทำงานชี้แจงอยู่แล้ว การครอบงำมีตัวอย่างชัดเจนวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในคำร้องบอกว่าไปประชุมกัน ท้ายที่สุดบอกว่าจะเอาคนนี้ แต่วันประชุมพรรคกลับเอาอีกคนหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าเราเป็นตัวของตัวเอง ส่วนมีนัยอะไรหรือไม่หลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบพรรค พท. ไม่อยากคิดไปไกล ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับก็ชี้แจงไป เบื้องหลังอยู่ที่ความขัดแย้ง ข้อหนึ่งในคำร้องระบุว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลังการเอาพรรค พปชร.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการเมืองมีเบื้องหลังอยู่แล้ว พรรคการเมืองในคำร้องอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ให้ดูในคำร้องจะเห็น เขาบอกอยู่ในคำร้อง

พท.มั่นใจรัฐบาลไม่มีสะดุด

นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ถ้าเปรียบเพลงลูกทุ่งเหมือนร้อยเนื้อทำนองเดียวกัน ออกชะชะช่าไม่ว่าใครร้องเริ่มต้นด้วยมาตรา 49 เรื่องสิทธิเสรีภาพ ก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. ทำให้ดูเหมือนเกิดแผ่นดินไหว แต่พอออกมาดูปกติไม่มีอะไร คำร้องลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้การทำงานของพรรค พท.และรัฐบาลสะดุด ทุกพรรคยังช่วยกันทำงานดีอยู่ วิปรัฐบาลกลมเกลียวกัน มีอะไรพูดคุยกันได้ตามปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ส่งสัญญาณ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึง การยื่นคำร้องดังกล่าว อาจมีผลกระทบต่อรัฐบาลให้สะดุดซ้ำรอยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ นายสมศักดิ์ว่า คงไม่ใช่ ตรงนี้ฝ่ายกฎหมายมีหน้าที่ตอบคำถามและชี้แจง เป็นผลของกฎหมายและระเบียบกฎเกณฑ์ของประเทศว่ากันไป

“สุริยะ” ฉะขุดปมเก่าเลอะเทอะมาก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค พท.ตอบได้ทุกประเด็นไม่มีปัญหา มั่นใจไม่มีปัญหาซ้ำรอยอดีตพรรคก้าวไกล เพราะคนละกรณีกัน ได้อ่าน 6 ประเด็นที่ยื่นมาเลอะเทอะมาก ที่พูดมาไม่มีประเด็น เรื่องที่ยื่นเป็นเรื่องเก่า พยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง คาดหวัง ว่าเมื่อเปิดออกมาแล้วคนจะตกใจ แต่ทุกคนคงทราบดีว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเก่า การที่บอกว่านายทักษิณเข้ามาก้าวก่าย ความจริงไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย บางเรื่องเกิดมาเป็น 10 ปีแล้วยังหยิบขึ้นมาจึงไม่กังวล เมื่อถามว่า เป็นความแค้นของบางพรรคการเมืองหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียดอย่างนั้น ไม่ขอพูดถึงแล้ว

ชี้เจรจากัมพูชาลดต้นทุนพลังงาน

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวรัฐบาลไทยเตรียมฟื้นการเจรจา MOU 2544 เพื่อแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณเกาะกูด นายสุริยะกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปพิจารณา มองว่าบริบทในอดีตกับปัจจุบันต่างกันเยอะ และความเห็นส่วนตัวที่ในอดีตเคยเป็น รมว.อุตสาหกรรม ปี 2545 มีเรื่องการขุดเจาะแก๊สต่างๆ ปัจจุบันราคาน้ำมันสูง และหากมีการเจรจาและแบ่งผลประโยชน์สองฝ่ายทั้งกัมพูชาและไทย จะทำให้ต้นทุนพลังงานถูกลง เมื่อถามต่อว่า จะไม่เป็นการจุดชนวนการชุมนุมใช่หรือไม่ นายสุริยะไม่ตอบคำถามดังกล่าว

โต้ยื่นสอบ “บิ๊กป้อม” บินหรูอยู่สบาย

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค พท. ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบการลาประชุมสภาฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร.ที่เดินทางไปต่างประเทศ เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานรัฐรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดจากผู้อื่นเกิน 3,000 บาท โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรลาประชุมสภาฯ ไปต่างประเทศ 3 ช่วงคือ วันที่ 27-29 มี.ค.67 วันที่ 18-20 มิ.ย.67 วันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.67 รวม 8 วัน ไปภารกิจส่วนตัว ลักษณะบินหรู อยู่สบาย ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการเดินทางดังกล่าว มีผู้หวังดีส่งข้อมูลให้ว่า พล.อ.ประวิตรเดินทางแบบ VVIP มาก น่าจะใช้เครื่องบินส่วนตัว พักโรงแรมหรู อาหารระดับ 5 ดาว ไม่รู้ออกเงินเอง หรือมีสปอนเซอร์ตลอดทริป ถ้าไม่ออกเงินเองเข้าข่ายผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 128 เป็นเจ้าพนักงานรัฐรับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท มีโทษจำคุก ถูกตัดสิทธิการเมืองและถอดถอนจากตำแหน่ง

ไล่เช็กเส้นทางการเงินนักร้อง

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ไม่ใช่เอาคืน กรณีคำร้องนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายพุทธะอิสระ แต่รอเอกสารจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพิ่งส่งมาให้เมื่อวันที่ 9 ต.ค. หาก ป.ป.ช.ตรวจเรื่องนี้ได้ช็อกโลกแน่ จากนี้จะตรวจสอบเส้นทางการเงินนายธีรยุทธรับเงินหรือใบสั่งจากใคร มีข้อมูลรับผลประโยชน์ นายธีรยุทธยืนยันไม่มีเกมการเมือง ฝากถึงนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. เตรียมหาพรรคใหม่ เอาปี๊บคลุมหัวได้เลย ส่วนที่นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรค พปชร. ระบุไม่ตรวจสอบ สส.เพื่อไทยที่ลาประชุมบ้าง ถ้าอยากให้ตรวจสอบนำรายชื่อมาร้องเลย อย่าเบี่ยงเป็นประเด็นทางการเมือง วันที่ 16 ต.ค.จะไปยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ ตรวจสอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร แม้จะคืนเงินเดือน สส. แต่ทางกฎหมายการคืนเงินไม่ใช่การบรรเทาโทษ ล่าสุดวันที่ 2-3 ต.ค.67 พล.อ.ประวิตรยังลาประชุมอีก โดดประชุมเกือบทั้งพรรคไปทำบุญภาคอีสาน จะ ตรวจสอบใช้เที่ยวบินใด เสียค่าใช้จ่ายอย่างไร ภารกิจส่วนตัวเบิกค่าใช้จ่ายจากภาษีประชาชนไม่ได้

“อิ๊งค์” ถกผู้นำปิดจ๊อบเวทีอาเซียน

สำหรับภารกิจเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมที่เกี่ยวข้องวันสุดท้าย ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ กรุงเวียงจันทน์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หารือทวิภาคีกับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกฯนิวซีแลนด์ ร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งที่ 19 (19th East Asia Summit : EAS) หารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกฯ เครือรัฐออสเตรเลีย ตามลำดับ นอกจากนี้ระหว่างการประชุม น.ส.แพทองธารยังมีโอกาสจับมือทักทายและสนทนาสานต่อความร่วมมือด้านต่างๆกับนายอิชิบะ ชิเกรุ นายกฯญี่ปุ่น และนายนเรนทร โมที นายกฯสาธารณรัฐอินเดีย ด้วย ก่อนเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงเย็นวันเดียวกัน โดยเมื่อมาถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) น.ส.แพทองธาร ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงกล่าวทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอสัมภาษณ์เป็นภาษา สปป.ลาวว่า “สะบายดีๆ”

หนุนสานสัมพันธ์มิตรภายนอก

น.ส.แพทองธารกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งที่ 19 ว่า ไทยยืนยันความมุ่งมั่นจะทำงานเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับพันธมิตรภายนอก เพื่อสร้างความไว้วางใจกันและกัน ทั้งปัญหาในเมียนมา ทะเลจีนใต้ คาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะปัญหาตะวันออกกลาง ขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด และให้มีการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ปล่อยตัวประกันทั้งหมดโดยทันที ขณะนี้ยังมีคนไทย 6 คน ถูกจับกุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา

ปลื้มนายกฯออสซีหลงใหล “หมูเด้ง”

น.ส.แพทองธารกล่าวระหว่างหารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกฯเครือรัฐออสเตรเลียด้วยว่า ไทยจะสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ตามแนวทางการทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุกของไทยและยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย 2583 เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนสองทาง รวมทั้งให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด และความปลอดภัย ของมนุษย์ ด้านนายแอนโทนีกล่าวว่า ขอชื่นชม “หมูเด้ง” ที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับการท่องเที่ยว และส่วนตัวชอบหมูเด้งมากๆ พร้อมทั้งยังชื่นชมไทยที่มี พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมด้วย หลังจากนั้น น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า นายแอนโทนีได้พูดถึงหมูเด้งว่า คนออสเตรเลียคลั่งหมูเด้งมาก อยากเดินทางไปเที่ยวไทยเพื่อมาหาหมูเด้ง เชื่อว่าหมูเด้งจะดังขึ้นเรื่อยๆ

“บิ๊กต่าย” เร่งล่าตัว ผตห.คดีตากใบ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงการติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีตากใบ 14 คน ที่มีรายงานว่ามี 2 คน หลบหนีไปต่างประเทศว่า เมื่อมีหมายจับได้ออกประกาศสืบจับ มีหนังสือเวียนแจ้ง ตร.ออกหนังสือให้ทุกกองบัญชาการที่พบว่าผู้ถูกออกหมายจับมีภูมิลำเนา ได้ดำเนินการเชิงรุก และตรวจค้น นำสื่อ ไปร่วมตรวจค้นด้วย เพื่อแสดงถึงการทำงานของตำรวจว่า เราไม่ได้ปล่อยหรือละเว้นใคร ไม่ว่าจะเป็นอดีตข้าราชการที่มีตำแหน่งสูงก็ตาม ดำเนินการเหมือนกันหมด ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 9 ยังประสานตำรวจกองการต่างประเทศ (ตท.) เพื่อออกหมายแดง เราทำครบถ้วนทุกอย่างแล้ว ส่วนการหลบหนีไม่ทราบว่าผู้ต้องหาใช้ช่วงจังหวะไหนหลบหนี แต่เราตามจับเต็มที่ แต่ถ้าจะมอบตัวเรายินดี ถือเป็นสิทธิ์มอบตัวได้

อิสราเอลเดือดคนไทยดับ 1 เจ็บ 1

อีกเรื่องจากสถานการณ์การปะทะระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุแรงงานชาวไทยถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บ 1 คน ในพื้นที่นิคมการเกษตรยีรอน ทางภาคเหนือของอิสราเอล ติดกับพรมแดนเลบานอน ทั้งนี้ นิคมการเกษตรยีรอนอยู่ในเขตปฏิบัติการทางทหาร (Closed Military Zone) และกองทัพอิสราเอล ได้อพยพพลเรือนส่วนใหญ่ออกจากพื้นที่ และพื้นที่ชุมชนรอบๆไปตั้งแต่เดือน ต.ค.2566

หน่วยกู้ภัยอิสราเอลเปิดเผยว่า การเสียชีวิตของแรงงานไทยวัย 27 ปี มีขึ้นหลังนิคมเกษตรยีรอนถูกยิงโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถัง อย่างไรก็ตามกองทัพอิสราเอลชี้แจงต่อมาว่า เหตุแรงงานไทยเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 1 คน ไม่ใช่เพราะถูกยิงด้วยจรวดต่อต้านรถถัง แต่เกิดจากสะเก็ดระเบิดของอาวุธระยะไกลที่ถูกยิงข้ามพรมแดนเข้ามา

สถานทูตเตือนรีบออกจาก 11 จุดเสี่ยง

ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทล อาวีฟ ชี้แจงว่า หากมีแรงงานไทยที่ยังอยู่ในเขตปิดทางทหารหรือพื้นที่เสี่ยงอันตรายอื่นๆ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อขอรับความช่วยเหลือในการย้ายออกจากพื้นที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ ฝ่ายกงสุล +972 546368150 ฝ่ายแรงงาน+972 99548431 หรือไอดีไลน์ 0544693476 พร้อมอธิบายว่าเขตปิดทางทหารของอิสราเอลในขณะนี้มี 11 แห่ง และเป็นพื้นที่ห้ามพักอาศัยหรือทำงาน

ทูตยิวยันผู้ตายเสี่ยงอยู่ในพื้นที่เอง

ก่อนหน้านี้ นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ในงานวันรำลึก 1 ปี โศกนาฏกรรม 7 ต.ค.66 (เหตุกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสโจมตีจากฉนวนกาซา) ว่า ทางตอนเหนือของอิสราเอลแทบจะไม่มีคนไทยอาศัยอยู่ ส่วนเรื่องการส่งแรงงานไปทำงานที่อิสราเอล คุยกับรัฐบาลไทยแล้วว่า จะไม่ส่งไปยังพื้นที่อันตราย ถึงแม้ว่าอาจจะมีคนไทยเลือกไปในบริเวณนั้น แต่เชื่อว่าสถานทูตไทยได้เรียกคนไทยกลับให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ถ้าจะมีก็คือมาจากการตัดสินใจของแรงงานไทยเอง

จับกัง 1 ชะลอส่ง 39 แรงงานไปทำงาน

ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานกล่าวว่า ตอนนี้ทราบเพียงว่าผู้เสียชีวิตเป็นชายไทยอายุ 27 ปี และน่าจะเป็นคนภาคเหนือ กำลังตรวจสอบกับทางทูตแรงงานไทย ในกรุงเทลอาวีฟ และประสานกับสถานทูตไทยและทางการอิสราเอลเพราะสงสัยว่า แรงงานไทยทั้ง 2 คน เข้าไปอยู่ในพื้นที่ปิดทางทหารได้อย่างไร ทำไมถึงไม่ออกมา ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานประชากรและคนเข้าเมืองอิสราเอล หรือพีบา ประกาศให้ออกจากพื้นที่ทั้งหมด และอพยพแรงงานไทยไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยทางใต้ที่ไม่มีการสู้รบ ต้องขอให้พีบาติดต่อนายจ้างเพื่อชี้แจงถึงการทำงานของแรงงานไทยในพื้นที่สู้รบ ทำไมไม่ย้ายออก เหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้ต้องชะลอการจัดส่งแรงงานไทย 39 คน ที่จะเดินทางในสัปดาห์หน้าออกไปก่อน

นายกฯสั่งบัวแก้วรายงานทุกชั่วโมง

ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแรงงานไทยเสียชีวิต 1 คน เหตุสู้รบ “อิสราเอล-เลบานอน” ว่า นายกฯได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศเฝ้าติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อาจอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง และกำชับให้กระทรวงต่างประเทศรายงานสถานการณ์ทุกชั่วโมง โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครอยู่ที่จังหวัดใด

โปรดเกล้าฯ ผบ.ตร.คนที่ 15

ค่ำวันเดียวกันเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ประกาศ ณ วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2567 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่