นักร้องมือฉมัง “ทนายธีรยุทธ” หอบเอกสาร 5,080 แผ่น เข้ายื่นศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง “ทักษิณ-เพื่อไทย” เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง ยก 6 พฤติการณ์ครอบครองครอบงำสั่งการ เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบัน ยกคำวินิจฉัยคดีก้าวไกลมาเทียบเคียง ออกตัวไม่มีใครชักใย ไม่เคยรู้จัก “ลุงป้อม” แค่ไปสุงสิงขอคำปรึกษากับเลขาฯ พปชร.เท่านั้น สส.เพื่อไทยไม่ให้ราคา ยืนกราน “นายใหญ่” ไม่เคยครอบงำสั่งการ “เด็จพี่” ยันข้อบังคับ พท.ปกป้องจงรักภักดีไม่มีวันเซาะกร่อนบ่อนทำลาย เตรียมแฉนักร้องรับจ๊อบจากใคร ปชน.ค้านใช้ศาล รธน.เป็นอาวุธนิติสงคราม ย้ำพรรคต้องยุบโดยประชาชน รัฐประหารเท่านั้นที่ล้มล้าง ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” งัดเสื้อโครงการแม่ฟ้าหลวง “มรดกแม่” ใส่อวดผู้นำร่วมประชุมอาเซียน ชูสร้างสันติภาพด้วยการเจรจา

มาตามนัด หลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จั่วหัวไว้ 10 ต.ค. จะเป็นจุดเริ่มการล่มสลายของพรรคการเมืองใหญ่ ล่าสุดนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ ที่เคยร้องยุบพรรคก้าวไกล ได้ผลมาแล้ว ขนเอกสารหลักฐานเข้ายื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง

นักร้องยื่นศาล รธน.ฟัน “ทักษิณ-พท.”

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ นำศาลรัฐธรรมนูญ,ล้มล้างการปกครอง,รัฐธรรมนูญไทย,คำร้องศาลรัฐธรรมนูญ,มาตรา 49,อัยการสูงสุด,พรรคก้าวไกล,พิธา ลิ้มเจริญรัตน์,รัฐบาลล่มสลายเอกสารประกอบด้วย คำร้องรวม 65 หน้า เอกสารประกอบคำร้องอีก 443 แผ่น ทำสำเนารวม 10 ชุด รวมเป็นเอกสาร 5,080 แผ่น เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัย สั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย (พท.) เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 นายธีรยุทธ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 ตนได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด แต่เมื่อครบกำหนด 15 วันแล้ว อัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนจึงใช้สิทธิในฐานะประชาชนมายื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

...

ยก 6 พฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง

นายธีรยุทธกล่าวว่า มี 6 พฤติการณ์ที่เข้าข่าย คือ 1.หลังนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี พบว่านายทักษิณใช้พรรค พท.เป็นเครื่องมือสั่งรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ รพ.ตำรวจ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยไปพักอยู่ชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ 2.นายทักษิณ มีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกฯของกัมพูชา และควบคุมการบริหารของรัฐบาลผ่านพรรค พท. โดยการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรใต้ทะเล ในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับกัมพูชา ทั้งที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของไทย 3.นายทักษิณสั่งให้พรรค พท.ร่วมมือกับพรรคประชาชน (ปชน.) แก้ไขรัฐธรรมนูญ

ย้ำหัวตะปูบ่อนทำลายคล้ายค่ายส้ม

นายธีรยุทธกล่าวว่า 4.นายทักษิณมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของครอบครอง ครอบงำเป็นผู้สั่งการแทนพรรคพท.เจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกฯคนใหม่เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า 5.นายทักษิณมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของครอบงำ และสั่งการให้พรรค พท.มีมติขับพรรค พปชร. ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรค พท.ยินยอมตามที่สั่ง และ 6.นายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นผู้ครอบงำและสั่งการให้พรรค พท.ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนำนโยบายที่นายทักษิณ ได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ไปเป็นนโยบายของ ครม.ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาวันที่ 12 ก.ย.2567 โดยทั้ง 6 พฤติการณ์ดังกล่าวเห็นว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้ในหลายคำวินิจฉัย อาทิ คำวินิจฉัยสั่งให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำและยุบพรรคไป

ยังไม่หวังผลยุบพรรคขอแค่สารตั้งต้น

นายธีรยุทธกล่าวว่า การยื่นคำร้องในครั้งนี้ไม่ได้มีใครสั่งการหรือรับงานใครมา แม้กระทั่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ากันมาก่อน แต่ยอมรับได้ไปขอคำปรึกษาจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.โดยเฉพาะจากที่เห็นการยุบไทรักธรรม และพรรคก้าวไกล รวมถึงได้ปรึกษานักกฎหมายคน อื่นๆ ก่อนที่จะยกร่างคำร้องนี้ใช้เวลารวบรวมข้อมูล 2-3 เดือน ขณะนี้ยังไม่ได้หวังผลไปถึงขั้นยุบพรรคพท.เพียงแต่คาดหวังให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้นายทักษิณ และพรรค พท.ยุติการกระทำ เมื่อถามว่า พยานบุคคลรวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้ออกมาเปิดเผย เป็นผู้เข้าพบในทักษิณ นายธีรยุทธตอบว่า มิอาจก้าวล่วง ศาลเห็นอยู่แล้วว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกมาดำเนินการอย่างไร

“ไพบูลย์”ขึงขังมีพยานเด็ดมัดแน่น

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลัง ประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค พปชร.ไม่ได้อยู่เบื้องหลังนายธีรยุทธ แต่ที่รู้ว่าจะไปยื่นเพราะพูดคุยกันตลอดเนื่องจากมีคดีส่วนตัวและคดีทั่วไปที่ให้นายธีรยุทธดูแล เท่าที่ดูคำร้องมีน้ำหนักมากพอ ครบถ้วนสมบูรณ์ มีข้อเท็จจริง มีหลักฐาน เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.รู้เรื่องนี้หรือไม่ นายไพบูลย์ตอบว่า นายธีรยุทธไม่เคยเจอ พล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตรรู้จากที่พูดไปตามที่ทราบว่า เป็นจุดเริ่มต้นการล่มสลายของพรรคแกนนำรัฐบาล เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้หลายคนรอว่า อาจมีคลิปบ้านจันทร์ส่องหล้าหรือคลิปชั้น 14 รพ.ตำรวจ แต่สุดท้ายไม่มี นายไพบูลย์ตอบว่า ทราบว่ามีพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ ทั้งบ้านจันทร์ส่องหล้า และชั้น 14 รพ.ตำรวจ ได้ระบุไว้ในคำร้อง หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง คงเชิญพยานบุคคลไปไต่สวน มีน้ำหนักมากกว่า คลิปที่ผิดกฎหมาย

“วิสุทธิ์” โต้ “ทักษิณ” ไม่เคยสั่งการ พท.

ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ยังไม่เห็นนายทักษิณสั่งการพรรค พท.สักครั้ง จะครอบงำได้อย่างไร ไม่ให้ความสำคัญกับคำร้องนายธีรยุทธ ไม่เชื่อจะเป็นหัวเชื้อไปสู่การยุบพรรค ดูจากประเด็นที่แถลงข่าวใหญ่โตแล้วไม่วิตกกังวลสักนิด การกล่าวหาล้มล้างการปกครอง ใครจะล้มล้าง เราเป็นรัฐบาล หัวหน้าพรรคเป็นนายกฯจะล้มล้างทำไม และสิ่งที่นายทักษิณเคยไปพูดแสดงวิสัยทัศน์นโยบายต่างๆเป็นการพูดหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายไปแล้ว ไปพูดในมุมมองคนที่เคยบริหารประเทศสำเร็จ จะครอบงำพรรคได้อย่างไร อะไรที่นายทักษิณเคยทำมาแล้วสำเร็จ รัฐบาลจะนำไปสานต่อ เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่สั่งการ

เอือมคิดเกินมนุษย์นายกฯ คนละครึ่ง

นายวิสุทธิ์กล่าวถึงกระแสข่าวการแบ่งนั่งตำแหน่งนายกฯคนละ 2 ปี ระหว่างพรรค พท.กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่าคนคิดอย่างนี้ได้ก็ปัญญาอ่อน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องยกให้คนอื่น บางคนดิ้นรนอยากเป็น แต่เขาไม่เลือก คนที่คิดอย่างนี้ได้ มีจินตนาการเกินความคาดหมายของมนุษย์

“เด็จพี่” ตั้งท่าเตรียมแฉรับจ๊อบใคร

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคพท. กล่าวว่า ในฐานะอยู่พรรค พท.มากว่า 20 ปี รู้ดีเอ็นเอพรรคอย่างดีว่า นายทักษิณมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ข้อบังคับพรรค พท.ระบุชัดเจนถึงการปกป้องสถาบัน ไม่มีทางเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างที่กล่าวหาแน่นอน การร้องของนายธีรยุทธ เป็นสิทธิที่ทำได้ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจ เชื่อว่าพรรคชี้แจงได้ ไม่มีอะไรน่าห่วง ทีมกฎหมายพรรคเตรียมการเรื่องนี้มาตลอด เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เป็นคนออกมาเปิดประเด็นแล้วส่งเรื่องให้นายธีรยุทธ นายพร้อมพงศ์ตอบว่า ตนมีข้อมูลนายธีรยุทธใกล้ชิดกับใคร มีหลักฐานพอสมควร เดี๋ยวจะเปิดเผยนายธีรยุทธน่าจะมีค่าใช้จ่ายมาจากใคร

กัดไม่ปล่อยสอย “ลุงป้อม” โดดร่มสภา

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในวันที่ 11 ต.ค. เวลา 10.00 น.จะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้อง กันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบพฤติกรรมเดินทางไปต่างประเทศของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร.ช่วงเดือน มี.ค. 3 วัน เดือน มิ.ย. 3 วัน เดือน ก.ค. และเดือน ส.ค. อีกเดือนละ 2 วัน รวม 8 วัน มีหลักฐานน่าจะกินหรูอยู่สบายเข้าข่ายการรับทรัพย์เกิน 3,000บาท ขัด พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 128 และในสัปดาห์หน้าจะยื่นเอาผิดจริยธรรม พล.อ.ประวิตร ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้ พล.อ.ประวิตร จะคืนเงินเดือนสส.ไปก็ตาม แต่ทางกฎหมายการคืนเงินไม่ได้บรรเทาโทษ แถมวันที่ 2-3 ต.ค. ลาประชุมอีกครั้งนี้โดดประชุมเกือบทั้งพรรค ไปทำบุญภาคอีสาน จะตรวจสอบใช้เที่ยวบินใดเดินทาง เสียค่าใช้จ่ายอย่างไร เพราะเป็นภารกิจส่วนตัว ไม่ใช่ทำงานเพื่อประเทศเบิกค่าใช้จ่ายจากภาษีประชาชนไม่ได้

“วิษณุ” ปัดช่วย “ทักษิณ” นอน รพ.

นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯและอดีตที่ปรึกษาของนายกฯ (นายเศรษฐา ทวีสิน) กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร ระบุว่าเป็นคนที่ช่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้อยู่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำว่า ไม่เป็น ความจริง นายสนธิมีหลักฐานหรือมีเหตุผลอะไรก็เรื่องของเขา ไม่อยากแก้ข่าวใดๆไม่ขอพูด แต่สามารถปฏิเสธได้ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขณะนั้นตนอยู่บ้านและมีเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ โทรศัพท์มาประมาณเที่ยงคืนดึกแล้ว แจ้งว่านายทักษิณป่วยหนัก ต้องนำส่ง รพ.ตำรวจ และนายทักษิณไปอยู่ รพ.แล้วด้วย ตนได้แจ้งกลับว่า ขอให้ดูตามอาการก็แล้วกัน แล้วคิดว่านายทักษิณน่าจะอยู่รักษาอาการ 2-3 วัน เพราะไม่รู้ว่าป่วยหนักขนาดไหน และเป็นอะไร

ปชน.ค้านใช้ศาล รธน.เป็นเครื่องมือ

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคปชน.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร และพรรค พท.เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าตามหลักการเราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ที่จะใช้เครื่องไม้เครื่องมือ กลไกของศาลรัฐธรรมนูญ มากลั่นแกล้งทางการเมือง

ปลุกทุกพรรคปลดอาวุธนิติสงคราม

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียดคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร แม้ไม่เห็นด้วยการบริหารประเทศของพรรค พท.แต่การที่พรรค พท.จะเสื่อมศรัทธาควรเป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสิน ไม่ใช่นิติสงคราม พรรคการเมืองไม่ควรตายง่ายๆ ขอเรียกร้องทุกพรรคต้องกล้าหาญร่วมกันปลดอาวุธนิติสงครามที่กำลังดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลถูกยุบ หลังจากนี้จะเป็นพรรคใดตอบไม่ได้ คงมีอีกเรื่อยๆที่ถูกยุบ การเมืองที่มีเสถียรภาพอยู่ตรงไหน ส่วนที่ระบุว่าพรรค พท.ล้มล้างการปกครอง เพราะเคยจับมือกับพรรคก้าวไกลนั้นไม่น่าจะเกี่ยวกัน วันนี้การปกครองอยู่ในลักษณะเดิม นักร้องทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่รู้จบ แล้วอะไรคือความเป็นธรรมของคนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

“พิธา” ลั่นรัฐประหารเท่านั้นที่ล้มล้าง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ระหว่างกิจกรรมแจกลายเซ็นหนังสือ “เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า การบันทึกภาพการเดินทางทางการเมือง 2561-2567” ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นการยืนยันว่า ทุกพรรคควรช่วยกันร่วมแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องจริยธรรม ไม่ควรใช้เป็นอาวุธในการทำลายล้างกัน เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้นักการเมืองทุกพรรคพูดคุยว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว ขอให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคสุดท้ายที่เจออะไรแบบนี้ ถ้าเลิกไปเลยได้ก็ดี แต่หากจะให้มีอะไรแบบนี้โทษที่ได้ต้องได้สัดส่วน ไม่ใช่ปลดนายกฯหรือยุบพรรคที่ประชาชนเลือกตั้งกันมา การล้มล้างการปกครองในประเทศไทย มีเพียงอย่างเดียวคือการรัฐประหาร ไม่อยากเห็นพรรค พท.ถูกยุบ น.ส.แพทองธารต้องมีสมาธิแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้

งง ภท.กลับลำหนุนร่างประชามติ สว.

นายพิธายังกล่าวถึงกรณีนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปกินข้าวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ว่า ไม่ทราบ การเมืองภาพใหญ่ประชาชนควรเป็นส่วนสำคัญในการที่จะคิด ควรโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้จะดีกว่า เมื่อถามถึงกรณีที่พรรค ภท.งดออกเสียงลงมติร่าง พ.ร.บ.ประชามติที่ สว.แก้ไขให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นสะท้อนได้หรือไม่ว่า พรรค ภท.เป็นแกนนำรัฐบาล นายพิธาตอบว่า ตนก็งง เพราะวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาโหวตผ่าน แต่คราวนี้งดออกเสียง ต้องกลับไปถามพรรค ภท.ว่า ต้องการที่จะส่งสัญญาณอะไรกับสังคม คงต้องฝากไปถามพรรค ภท.

“เท้ง” จี้ “อิ๊งค์” ขอยุ่นส่ง ผตห.คดีตากใบ

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงถึงคดีตากใบ ที่จะหมดอายุความวันที่ 25 ต.ค.ว่า จากการประชุมคณะ กมธ.การกฎหมายฯได้เชิญตำรวจและอัยการมา พบ ว่า จำเลย 2 คน คือจำเลยที่ 1 ได้หลบหนีอยู่ที่อังกฤษ และจำเลยที่ 8 หนีไปประเทศญี่ปุ่น ทุกหน่วยงานแจงว่า ดำเนินการเต็มที่ที่สุดแล้วตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน และตำรวจบอกว่าได้ออกหมายแดงอินเตอร์โพลแล้ว แม้ไทยไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับญี่ปุ่น แต่เราสามารถใช้ช่องทางการทูต รัฐบาลต่อรัฐบาล หรือนายกฯต่อนายกฯ เจรจาขอส่งตัวได้ ส่วนอีกช่องทางคือการขอเนรเทศ ส่งตัวในฐานะบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ของประเทศปลายกลับมาในฐานะที่เป็นจำเลยผู้ต้องหาในคดีสิทธิมนุษยชน อยากส่งข้อเรียกร้องไป น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้ใช้เวทีอาเซียน +3 หารือนอกรอบกับนายกฯญี่ปุ่นในเรื่องนี้

ก๊วน “ธรรมนัส” ย้ายก้นนั่งโซน กธ.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายพรรคกล้าธรรม (กธ.) มาวางในห้องประชุมเป็นวันแรก มีโซนที่นั่งติดกับพรรคเพื่อไทย (พท.) มี 2 สส.พรรค กธ.คือ นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และนายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคใหม่ ที่พรรคใช้วิธีขับออก แล้วสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค กธ.ได้เข้าไปนั่งร่วมประชุม จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำ สส.ในกลุ่มมานั่งในโซนที่นั่งพรรค กธ.เช่นกัน

นายกฯลุยถกผู้นำอาเซียนคู่เจรจา

สำหรับภารกิจเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในวันที่ 2 ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) น.ส.แพทองธารใส่เสื้อผ้าไทยจากโครงการแม่ฟ้าหลวง ที่เป็นของคุณพจมาน ดามาพงศ์ มารดา เมื่อ 20 ปี ที่แล้ว และสวมกางเกงผ้าไทย เข้าร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ อาเซียน-จีนครั้งที่ 27 มีนายหลี่ เฉียง นายกฯสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมประชุม อาเซียน-เกาหลีใต้ครั้งที่ 25 มีนายยุน ซ็อก ย็อล ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี เข้าร่วม อาเซียน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 27 มีนายชิเกรุ อิชิบะ นายกฯญี่ปุ่น เข้าร่วม รวมถึงอาเซียน-จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ครั้งที่ 27 และอาเซียน-อินเดียครั้งที่ 21 นอกจากนี้ยังได้หารือทวิภาคีกับผู้นำ อาทิ นายยุน ซ็อก ย็อล ประธานาธิบดี สาธารณรัฐเกาหลี นายจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดา นายเคลาส์ ชวาป ผู้ก่อตั้ง และ ปธ.สภาเศรษฐกิจโลก ดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย นายแอนโทนี บลิงเกน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นายหลี่ เฉียง นายกฯจีน ช่วงค่ำไปร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำที่นายสอนไซ สีพันดอน นายกฯ สปป.ลาว และภริยา เป็นเจ้าภาพ

ชูการทูตยุติข้อพิพาทอย่างสันติ

น.ส.แพทองธารกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมอาเซียน-จีนครั้งที่ 27 ว่า อาเซียนและจีนควรเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการจัดการกับประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรม ข้ามชาติ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนา ที่ขึ้นอยู่กับสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาค จุดยืนของไทยคือการยุติข้อพิพาทอย่างสันติ ผ่านการทูต การเจรจา จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียนในการประชุมอาเซียน-เกาหลีใต้ครั้งที่ 25 อีกว่า การพัฒนาแผนปฏิบัติการอาเซียน-เกาหลีใต้ฉบับใหม่ (2569-2573) จะเป็นแนวทางความร่วมมือในอนาคต อาเซียนขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปฏิบัติตามมติ UNSC ในคาบสมุทรเกาหลี สนับสนุนการเจรจาอย่างสันติเพื่อสันติภาพ และเสถียรภาพที่ยั่งยืน ส่วนการเข้าร่วมอาเซียน-ญี่ปุ่น น.ส.แพทองธารกล่าวย้ำว่า จะเร่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่โลกแห่งดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว และการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม

หนุนสหรัฐฯสร้างสันติภาพโลก

น.ส.แพทองธารกล่าวระหว่างหารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี เจ.บลิงเกน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของทั้ง 2 ประเทศ ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของประชาชน เช่น เรื่องยาเสพติด การหลอกลวงทางออนไลน์ และปัญหาภัยพิบัติต่างๆ จะร่วมกันส่งเสริมการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น ไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อม (bridge builder) เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาค และระดับโลก พร้อมให้การสนับสนุนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ อย่างต่อเนื่องเพื่อสันติภาพ และยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆในขณะนี้

จ้องเรียนรู้ซอฟต์พาวเวอร์ “สายเกา”

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธารกับนายยุน ซ็อก ย็อล ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ว่า สองประเทศให้ความสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ยินดีเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนของทั้งสองฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายภายในปลายปี 2568 รวมทั้งร่วมลงทุนกันหลายโครงการ เช่น โครงการที่บริษัท Hyundai จะลงทุนตั้งฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและสันดาปในไทย อุตสาหกรรมคอนเทนต์และซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลไทยกำลังจัดตั้งหน่วยงาน Thailand Creative Culture Agency (THACCA) เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ของ KOCCA ของเกาหลีใต้

ปลื้มไทยเข้าเป็นสมาชิก UNHRC

นายจิรายุเผยด้วยว่า น.ส.แพทองธาร นายกฯ ได้รับรายงานจาก รมว.ต่างประเทศว่า ประเทศไทยได้รับเกียรติในการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ วาระปี 2568-2570 (United Nations Human Rights Council: UNHRC) ด้วยคะแนนสูงสุดถึง 177 คะแนน ในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในภูมิภาค สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการส่งเสริม และปกป้องสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ไทยจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 โดยจะมีวาระ 3 ปี อย่างแข็งขันเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน

“มาริษ” โวนานาชาติเชื่อมั่นรัฐบาล

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การได้เข้าเป็น UNHRC สะท้อนถึงความเชื่อมั่น และการยอมรับในบทบาทไทยในเวทีโลก มั่นใจรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มุ่งมั่นส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนประชาชนคนไทย รวมถึงความพยายามแก้ไขรัฐ ธรรมนูญเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่เป็นประชาธิปไตย การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งเพื่อการสมรสเท่าเทียม ต่อยอดโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นรักษาทุกที่ ปลดล็อกอุปสรรค และปรับปรุงกฎหมายอำนวยความสะดวกให้ประกอบธุรกิจได้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มประสิทธิภาพอำนวยความสะดวกการขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่มิตรประเทศและเพื่อนบ้าน

ทอ.สั่งสอบลูกทัพฟ้าพันสินบนข้ามชาติ

วันเดียวกัน พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) เปิดเผยว่า ผบ.ทอ.ได้สั่งการให้กรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศตรวจสอบข้อมูลเร่งด่วน กรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เผยแพร่เอกสารเนื้อหาบางส่วนกล่าวอ้างว่า ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานของบริษัท เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) จำกัด จ่ายเงินสินบนให้เจ้าหน้าที่ราชการไทยหลายหน่วยงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ทอ.ที่มีส่วนรับผิดชอบในการร่าง และคัดเลือกผู้ชนะการประกวดราคาเครื่องปูแอสฟัลติกคอนกรีต ในห้วงเดือน พ.ย.2562-มี.ค.2563 โดยขณะนี้ได้ตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องของเอกสารประกอบการจัดซื้อจัดจ้าง ความถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และได้ประสานงานขอหลักฐานจาก SEC ที่กล่าวอ้าง หากพบมีมูลว่ากำลังพล ทอ.มีส่วนเกี่ยวข้องจะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเร็ว ไม่มีการปกป้อง และให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่