มาตรฐาน “จริยธรรม” นักการเมืองที่ใช้กำกับ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเมืองแบบใหม่จนทำให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีต้องรอบคอบและยึดมั่นในหลักการนี้
เพราะมิฉะนั้นในฐานะผู้ลงนามแต่งตั้งจะต้องรับผิดชอบ หากผิดไปจากนี้อาจจะต้องพ้นไปจากตำแหน่ง
ไม่ต่างไปจาก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้
นี่แหละข้อดีและจะทำให้การเมืองเข้ารูปเข้ารอยมากกว่า โดยเฉพาะนักการเมืองจะต้องพึงปฏิบัติให้เป็นบรรทัดฐาน
อย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดเอาไว้นั่นแหละถูกที่สุด “นักการเมืองจะต้องพร้อมให้ตรวจสอบ”
รัฐบาลที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี จึงต้องยึดมั่นอย่างเคร่งครัดในการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ด้วยการให้หน่วยงานตรวจสอบประวัติอย่างถี่ยิบก่อนลงนาม
อันส่งผลให้การแต่งตั้งข้าราชการก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ด้วย
ที่เห็นๆอยู่มีตำแหน่งสำคัญ 2 ตำแหน่ง!
1.ผบ.ตร.ที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ อาวุโสอันดับ 1 เป็น ผบ.ตร.
2.เลขาธิการ สมช. ก็แต่งตั้ง “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการ (คนใน) ขึ้นเป็นตัวจริง ไม่เอา “คนนอก” อย่างที่ผ่านมา
มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาต่อหน่วยงานนั้นมาตลอด โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ตร.ซึ่งหน่วยงานสำคัญหากนักการเมืองเข้าไปล้วงลูกตั้งคนของตัวเองอย่างที่ผ่านมา
การประชุม ครม.นัดที่ผ่านมา มีการแต่งตั้งข้าราชการในหน่วยงานสำคัญๆดังที่กล่าวมาแล้วส่วนหนึ่ง
อีกส่วนหนึ่งก็เป็นข้าราชการระดับกระทรวง ใครเป็นเจ้ากระทรวงก็คงวางคนเอาไว้ในตำแหน่งสำคัญ
แต่ต้องอยู่ในกรอบของหลักการ
มหาดไทย 25 ตำแหน่ง ดูหน้าตาแล้วเท่ากับสายสีน้ำเงินวางมือทำงานไล่ตั้งแต่ปลัดกระทรวง อธิบดี จนไปถึงผู้ว่าฯ
...
เพื่อปูทางให้หัวหน้าพรรคก้าวไปสู่จุดสูงสุดทางการเมือง
ที่จะพูดถึงคือตำแหน่ง ผบ.ตร. น่าจะทำให้กรมปทุมวันเข้าที่เข้าทางมากขึ้น หลังจากที่เกิดปัญหา “ป่วนทั้งปี” จนทำให้ภาพลักษณ์เสียหายหนักเข้าไปอีก เพราะปกติก็แย่อยู่แล้ว
ดังนั้น ผบ.ตร.คนใหม่ที่เป็น “ลูกหม้อ” โดยตรงจะต้องเร่งฟื้นฟูให้ตำรวจได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้น
ไม่ได้หวังจะให้มีการปฏิรูป เพราะเป็นเรื่องยากและรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้มีแนวคิดด้วย จึงขอเพียงแค่ทำให้ “ตำรวจ” ทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด
ก็เอาแล้ว...
อีกทั้งต้องไม่ให้ “ตำรวจเลว” ขึ้นมามีบทบาทอย่างที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงมาแล้ว
คือประชาชนไม่ได้อะไร ตำรวจเองก็ตกต่ำหนักเข้าไปอีก
“ตำรวจ” นั้นทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด หากได้ตำรวจดีปัญหาต่างๆก็ลดลงเป็นเท่าทวีคูณ
พูดง่ายๆคือ “เอาน้ำดีไปล้างน้ำชั่ว”
สังคมก็จะอยู่กันอย่างเป็นสุขมากขึ้น!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม