ไม่มีใครมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ แม้จะเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลที่มีเสียงท่วมท้นในสภากว่า 300 เสียง ทั้งยังมีพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ที่มี สส.อยู่เกือบ 150 เสียง แต่พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคคัดค้าน และมีอุปสรรคสำคัญคือวุฒิสภา
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ผู้ประกาศว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยในทันทีที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก จากนั้นมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการศึกษาแนวทาง พ.ร.บ.ประชามติ
ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนจะแก้ไขทั้งรายมาตรา และแก้ไขทั้งฉบับ เช่นเดียวกับพรรคประชาชน แต่มีเสียงคัดค้านการแก้ไขรายมาตรา โดยเฉพาะมาตรฐานจริยธรรม ทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้แต่พรรคภูมิใจไทยที่ประกาศจะแก้ไขทั้งฉบับ แต่คัดค้านการแก้ไขประเด็นจริยธรรม
การคัดค้านของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลสั่งถอยการแก้ไขรายมาตราทันที แม้แต่พรรคประชาชนก็ถอยในประเด็นเดียวกัน ที่ถูกโจมตีว่าเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตนของ สส.หรือของพรรค ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องกระทบคนไทยทั้งประเทศ เพราะมีผลใช้บังคับกับทุกคน
แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย แม้แต่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แพทองธาร ชินวัตร ก็ประกาศต่อรัฐสภา ในวันแถลงนโยบายรัฐบาลสัญญาว่า “จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด” แต่กลับมาเจออุปสรรคใหม่ นั่นก็คือวุฒิสภาลงมติแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประชามติของสภาผู้แทนราษฎร
จนต้องตีกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรและมีกระบวนการมากมายที่จะต้องดำเนินการจนอาจจะลงประชามติไม่ทัน ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งตรงกับวันเลือกตั้ง อบจ. เมื่อการลงประชามติไม่ทันกำหนด ก็จะมีผลกระทบการจัดทำรัฐธรรมนูญ อาจจะรวมทั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และไม่ทันเดือนกรกฎาคม 2570
...
ซึ่งอาจเป็นวันครบวาระของสภาผู้แทนฯ ที่จะต้องเลือกตั้งกันใหม่ แม้ สว.จะยินยอมให้มีการลงประชามติได้ และก้าวต่อไปถึงที่สุด นั่นก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องมี สว.เห็นชอบอย่างน้อย 1 ใน 3 คือ 67 เสียงขึ้นไป มิฉะนั้นร่างแก้ไขจะตกไป แม้จะได้เสียงสนับสนุนจาก สส.มาทั้ง 500 เสียง รัฐบาลจะได้ 67 สว.จากไหน อาจต้องพึ่งสีนํ้าเงิน?
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม