“แพทองธาร” ถึง สปป.ลาวอย่างเป็นทางการแล้ว ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนฯ ด้าน “นายกฯ สอนไซ” นำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ขณะที่ 2 ประเทศถกปัญหาสำคัญไทย-ลาว ร่วมกันจับมือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปัญหาหมอกควัน ยาเสพติด และการแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขงเพื่อป้องกันอุทกภัยระหว่างกันในอนาคต

เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 8 ต.ค. 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศในฐานะผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี

จากนั้นเวลา 13.10 น. น.ส.แพทองธาร และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีนางใบคำ ขัตติยะ รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม สปป.ลาว ให้การต้อนรับ สำหรับการเยือน สปป.ลาว ครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 8 - 11 ต.ค. 2567

...

จากนั้นได้มีพิธีต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นำ น.ส.แพทองธาร เดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนที่นายกฯ เข้าร่วมการหารือข้อราชการเต็มคณะกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธาร ได้รับเกียรติเข้าร่วมการหารือเต็มคณะกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย

น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทยและ สปป.ลาว เป็นเพื่อนบ้านที่มีความเชื่อมโยงผูกพันและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ขอขอบคุณรัฐบาล สปป.ลาว ที่ถวายการต้อนรับสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี อย่างสมพระเกียรติ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และยินดีที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริใน สปป.ลาว มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมขอเชิญนายกรัฐมนตรี สปป.ลาวและภริยา เยือนไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังจากที่ต้องเลื่อนออกไป ซึ่งในปีหน้า ทั้งสองประเทศจะมีการจัดกิจกรรมครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเน้นการมีส่วนร่วมในระดับประชาชนและท้องถิ่นให้มากที่สุด

ด้านนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กล่าวว่า ไทยและ สปป.ลาวเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด และมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์และความร่วมมือครอบคลุมทุกมิติ โดยมีการหารือและแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในหลากหลายโอกาสอย่างสม่ำเสมอ การเดินทางเยือน สปป.ลาวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ยังจะได้ติดตามประเด็นความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดและมีความคืบหน้ามากขึ้น

ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศ ได้หารือในประเด็นที่น่าสนใจร่วมกัน ที่เป็นปัญหาระหว่างกัน โดยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาข้ามแดนที่สำคัญ โดยทั้งสองประเทศจัดลำดับความสำคัญ (top priorities) 5 ด้าน ได้แก่ (1) ปัญหายาเสพติด (2) แก๊งคอลเซ็นเตอร์ Online Scams (3) การค้ามนุษย์ (4) หมอกควันข้ามแดน และ (5) การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง

โดยผู้นำทั้งสองยินดีที่จะมีการลงนาม MOU ด้านการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการระหว่างกันในวันนี้ และจะใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

จากนั้น ผู้นำทั้งสองประเทศ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและ สปป.ลาว จำนวน 6 ฉบับ และการส่งมอบผลการศึกษาและรายละเอียดการออกแบบโครงการก่อสร้างสะพานข้ามน้ำโขงเชียงแมน-หลวงพระบาง ดังนี้
1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ
2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองมิตรภาพ จังหวัดขอนแก่นกับนครหลวงเวียงจันทน์
3. บันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือในการบริหารทรัพยากรบุคคล
4. บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมการค้าภายในกับกรมมาตรฐานและวัดแทก
5. บันทึกการดำเนินการด้านเทคนิคสำหรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ
6. และหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมทางหลวงและกรมขัวทาง (กรมทางหลวงของประเทศลาว)