“นายกฯอิ๊งค์” ปรี๊ดเสียงวิจารณ์การทูตไอแพด โต้ เปิดใจกว้างๆ ลดอคติ หาข้อมูลเยอะๆก่อนวิพากษ์ แจงหลักการประชุมนานาชาติ ผู้นำมุ่งมั่นอ่านสคริปต์สำคัญกันทั่วโลก “เศรษฐา” โดดป้องสาระสำคัญกว่ารูปแบบ “พิชัย” โวยอคติจับผิดนายกฯ ไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติเวทีสากล “นพดล” ยันเป็นเรื่องปกติผู้นำทำกันทั่วโลก ไม่ใช่นายกฯอ่อนด้อยประสบการณ์ “สมคิด” โอ่รัฐบาลไม่วิตก “สนธิ” จุดพลุปลุกม็อบลงถนน เฉ่ง “จตุพร” พ่นวาทกรรมไม่สร้างสรรค์ทำลายประเทศ “เชิดชัย” หยัน 2 แกนนำแนวคิดสุดโต่ง มั่นใจจุดติดยาก คนไม่เอาด้วย เมินฝ่ายค้านขู่จับนายกฯขึ้นเขียงซักฟอกเซ่นช่วย “พิศาล” หนีพ้นคดี

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแกนนำและ สส.พรรคเพื่อไทย พร้อมใจกันออกมาตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหานายกฯ ก้มหน้าก้มตาอ่านสคริปต์บนไอแพด ระหว่างการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอดีบี) ครั้งที่ 3 ที่ประเทศกาตาร์ ระบุเป็นการวิจารณ์โดยไม่รู้หลักการประชุมบนเวทีนานาชาติ และความสำคัญอยู่ที่สาระของถ้อยแถลงมากกว่า

“อิ๊งค์” โต้คนวิจารณ์อ่านสคริปต์เวทีผู้นำ

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อ่านสคริปต์บนไอแพดระหว่างการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอดีบี) ครั้งที่ 3 ที่ประเทศกาตาร์ ที่เป็นการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศครั้งแรก เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 6 ต.ค. น.ส.แพทองธาร ได้โพสต์ภาพในไอจีสตอรี “ingshin21” พร้อมแชร์รูปภาพผู้ใช้ X รายหนึ่งทวีตภาพนายกฯก้มหน้าอ่านไอแพดและข้อความว่า “อย่างน้อยศึกษาข้อมูลให้มีในสมองบ้างครับ ก้มหน้าอ่านจากไอแพด มันดูน่าขายขี้หน้าประเทศ ประยุทธ์ว่าแย่แล้ว คนนี้แย่พอหรือแย่กว่าด้วย” โดย น.ส.แพทองธาร เข้าไปคอมเมนต์ตอบกลับว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ รบกวนดูข่าว ข้อมูลเยอะๆนะคะ เวลาประชุมแบบนี้ทั่วโลกเขาอ่านกันค่ะ มันเป็นมุ่งมั่น เป็นสิ่งที่ต้องบันทึก อ่านทุกคน ตั้งแต่ Sheikh ถึง Minister เลยค่ะ ลองหาข้อมูลเพิ่มดู ถ้าเป็นทวิภาคีส่วนใหญ่จะจดหัวข้อไป แล้วพูดกันแบบไม่ต้องอ่าน จะเกิดการสร้าง Connection (การเชื่อมต่อ) ที่ดี ดูแค่หัวข้อให้ครบถ้วน ไม่มีใครแย่กว่าใครหรอก ทุกคนมีความสามารถกันคนละด้านค่ะ เปิดใจกว้างๆ ลองให้โอกาสตัวเอง ลดอคติลงจะมีความสุขขึ้นค่ะ”

...

ยินดีรับฟังบนพื้นฐานข้อเท็จจริง

น.ส.แพทองธารยังได้เขียนข้อความชี้แจงเพิ่มเติมในไอจีสตอรีอีกว่า “ชี้แจงนิดหน่อยละกันเนาะ คือตอนก่อนไปก็เตรียมตัวว่า ต้องอ่านหรือต้องเป็นรูปแบบไหน คนอื่นเขาทำยังไงกันไม่ใช่ไปเฉยๆ ไม่ทำการบ้าน งานระดับประเทศจะไปแหวกแนวคนอื่นเขาก็คงไม่ใช่” พร้อมรูปอิโมจิหน้ายิ้มและเหงื่อตก ขณะที่มีผู้ใช้อินสตาแกรมเข้าไปให้กำลังใจนายกฯว่า “พี่อิ๊งค์ทุ่มเทสุดความสามารถในทุกๆงาน พี่ทำดีมากๆ แล้ว ขออย่าให้คนที่เป็นพลังลบให้แต่คนอื่น หรือสิ่งไม่ดีอะไรมาทำลายความตั้งใจ เป็นกำลังใจให้เสมอ” นายกฯตอบกลับว่า “ขอบคุณ แค่อยากให้ข้อมูลว่าได้นะ ยินดีรับฟัง แต่ว่าบนพื้นฐานของการไม่รู้จริง ต้องบอกกันนิดนึงแหละเนาะ”

“เศรษฐา” โดดป้องชูสาระสำคัญกว่า

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ทวีตข้อความผ่าน X ว่า สคริปต์จำเป็นมั้ยในฐานะผู้นำประเทศ ความสำคัญในคำพูดของผู้ดำรงตำแหน่ง นายกฯ ควรมีความผิดพลาดน้อยที่สุด ตั้งแต่ข้อมูล ชื่อตำแหน่ง ตัวย่อหน่วยงานราชการ ผมเองไม่ได้เทรนมาเป็นนักพูด อยู่ภาคธุรกิจมาตลอด ถ้าต้องพูดโดยไม่มีสคริปต์ ก็คงใช้ศัพท์ที่เคยชินซึ่งอาจจะไม่ถูกต้อง การเตรียมสคริปต์ทำให้มีเวลาทบทวนเนื้อหา ทั้งที่กลั่นกรองจากความคิดตัวเอง ทั้งจากทีมงานที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ รวมถึงส่วนที่ให้ข้าราชการผู้จะนำไปปฏิบัติช่วยดูให้รัดกุม เพราะคนที่เป็น นายกฯ ไม่ใช่แค่พูดแล้วจบ แต่ต้องเอาไปปฏิบัติได้จริงด้วย ดังนั้น สคริปต์ที่รัดกุมสำคัญมากสำหรับตน substance over style (สาระสำคัญกว่ารูปแบบ) เรื่องอ่านสคริปต์หรือไม่อ่านเป็นแค่ style (รูปแบบ)

“จิรายุ” ซัดเข้าใจหลักการคงไม่ครหา

เมื่อเวลา 13.15 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมีผู้วิจารณ์ ถ้าเข้าใจหลักการและเหตุผล การประชุมระดับนานาชาติที่เป็นสาระสำคัญหรือแถลงการณ์ ผู้นำโลกต้องอ่านทุกตัวอักษรที่สรุปมา เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่ไม่สามารถนำไปบิดจากข้อความของภาษาพูดเหมือนการปราศรัย หรือแสดงวิสัยทัศน์ทั่วไปได้ ถ้ามองแบบระดับชาติ หรือระดับโลกในประเทศต่างๆ ประชาชนจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาหรือสารัตถะที่ผู้นำไปทำข้อตกลงว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากน้อยขนาดไหน จึงไม่เห็นว่าเป็นสาระสำคัญที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์กัน

“พิชัย” โวยอคติจับผิดการทูตไอแพด

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นายกฯได้แสดงบทบาทผู้นำประเทศไทยยอดเยี่ยม เป็นที่ชื่นชมของผู้นำต่างประเทศ อีกทั้งในเวทีต่างๆ นายกฯแสดงวิสัยทัศน์ต่อผู้นำกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เรื่องความมั่นคงทางอาหาร ได้รับความสนใจจากหลายประเทศ แปลกใจที่หยิบยกภาพเดียวที่นายกฯ ถือไอแพดมาตัดต่อ บิดเบือนการสื่อสารในเวทีระดับโลกว่านายกฯอ่านจากไอแพด เป็นการทูตไอแพด เป็นการวิจารณ์ล้าสมัย ไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่ยุติธรรมต่อคนทำงาน ในเวทีสากลทุกอย่างที่อยู่ในห้องประชุมจะถูกบันทึกไว้โดยละเอียด ผู้นำทุกชาติเขาอ่านกันทั้งหมด เพราะระวังความผิดพลาด การอ่านจากเอกสารหรือไอแพดจึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัดกุม ทุกประเทศทำกันหมด นายกฯพูดได้ไหลลื่น มองไอแพดเป็นครั้งคราวเพื่อดูหัวข้อ ขอให้เลิกอคติ จับผิดเรื่องเล็กน้อย ควรให้กำลังใจทีมไทยแลนด์ที่ทำงานอย่างหนักเชิญชวนชาติต่างๆมาลงทุนในประเทศไทยจะดีกว่า

แจงผู้นำทั่วโลกอ่านสคริปต์ทุกคน

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ผู้นำไปกล่าวถ้อยแถลงในเวทีประชุมระหว่างประเทศ ต้องเตรียมถ้อยแถลงที่เตรียมไว้แล้วโดยกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเรื่องปกติทำกันทั้งโลกมานานแล้ว ไม่ได้แสดงว่านายกฯ อ่อนด้อยประสบการณ์ต้องเข้าใจและให้ความเป็นธรรมผู้นำไทย จะวิจารณ์ควรดูที่เนื้อหาสาระถ้อยแถลงว่ามีประโยชน์ต่อประเทศหรือไม่ มากกว่าวิจารณ์ว่าอ่านสคริปต์ การวิจารณ์ควรดูผลงานและเนื้อหาสาระมากกว่า

รัฐบาลไม่วิตกจุดพลุปลุกม็อบ

นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศชุมนุมเดินลงถนนไล่รัฐบาลช่วงต้นปี 68 ว่า ไม่ต้องเตรียมรับมืออะไร รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นการแสดงออกทางการเมือง จะเรียกร้องอะไรยื่นเป็นหนังสือมาได้ มาคุยกันด้วยเหตุผลรัฐบาลไม่วิตกกังวล นายสนธิยังไม่ได้ประสานมาพูดคุยกับรัฐบาล ถ้าประสานมารัฐบาลยินดีพูดคุย พร้อมรับฟัง

ฉะพ่นวาทกรรมขายชาติทำลายประเทศ

นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ระบุนโยบายเช่าที่ดิน 99 ปีของรัฐบาลเป็นนโยบายขายชาติ พูดไปเรื่อย ไม่มีใครขายชาติ ทำตามความต้องการประชาชนส่วนมาก แต่จะให้ได้ดั่งใจคน 67 ล้านคนคงไม่ได้ เป็นวาทกรรมไม่สร้างสรรค์ และยังไม่ได้เริ่ม เป็นแนวคิดวิธีหารายได้เข้าประเทศ การสร้างกระแสการชุมนุมประชาชนต้องตื่นรู้ด้วย คนที่เคลื่อนไหวบางคนพูดเอาแต่ได้ ไม่พูดข้อเท็จจริง เห็นต่างได้ แต่อย่าสร้างวาทกรรมทำลายประเทศ กระแสความนิยมของ น.ส.แพทองธารอยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนนิยมรัฐบาลขอบคุณ อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเป็นหลัก

จวก “สนธิ–จตุพร” สุดโต่งจุดติดยาก

นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า ทั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาจุดกระแสการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ไม่วิตก เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ที่ย่อมมีความเห็นแตกต่าง แต่รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานแค่เดือนเดียว ต้องถามประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ที่จะมาชุมนุมขับไล่ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนอยู่ ถ้ามาขับไล่ประชาชนจะยอมรับหรือไม่ ความคิดนายสนธิและนายจตุพรสุดโต่งเกินไป ดูแล้วคงจุดติดยาก เชื่อว่าประชาชนไม่ยอมรับถ้าจะมาชุมนุมไล่รัฐบาลในเวลานี้

เมินฝ่ายค้านลากนายกฯขึ้นเขียง

นพ.เชิดชัยกล่าวถึงกรณีพรรคประชาชนเตรียมขยายผลนำกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่ยอมมาเข้าสู่กระบวนการฟัง การพิจารณาคดีสลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้านจะดำเนินการได้ตามกรอบกฎหมาย ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย นายกรัฐมนตรี รัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทยไม่สามารถไปช่วยเหลืออะไรได้ แต่การดำเนินการขอให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน อย่าเป็นฝ่ายแค้น กรณี พล.อ.พิศาลแม้คดีจะหมดอายุความวันที่ 25 ต.ค.นี้ แต่ถ้าป่วยจริงก็ต้องไปรักษาตัว เป็นเรื่องน่าเห็นใจ ดูแล้วน่าจะป่วยจริง ไม่ใช่การยื้อเวลารอให้คดีหมดอายุความ ส่วนตัวไม่ทราบว่า พล.อ.พิศาลจะกลับมารายงานตัวต่อศาลก่อนคดีหมดอายุความหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนตัวของ พล.อ. พิศาล ยืนยันทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่สามารถไป ช่วยเหลืออะไรได้

วิป รบ.รอ สว. ตีกลับ ก.ม.ประชามติ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการส่งร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่วุฒิสภาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประชามติ กลับไปใช้เสียงข้างมากสองชั้น กลับมายังสภาผู้แทนราษฎรว่า ยังไม่ทราบมีการส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวกลับมาที่สภาฯแล้วหรือไม่ ต้องรอวันที่ 7 ต.ค.จึงจะทราบ ไม่อยากคาดเดาว่าจะสามารถพิจารณาได้ในที่ประชุมสภาฯในวันที่ 9 ต.ค.หรือไม่ ขอดูวันที่ 6 ต.ค.ก่อน

จี้ รบ.สอบบางพรรคชักใยแรงงานพม่า

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนหลายจังหวัดว่า มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาลักลอบเข้ามาผิดกฎหมาย อ้างลี้ภัยสงครามมาตั้งรกรากขยายครอบครัวอยู่จนเต็มพื้นที่ไปหมด เช่น อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร และสมุทรปราการ มีแรงงานต่างด้าวในโรงงานจำนวนมาก ซ้ำยังประกอบกิจการเป็นเจ้าของธุรกิจ เปิดโรงงานและตั้งโรงเรียนเพื่อให้ลูกหลานแรงงานต่างด้าวมาเล่าเรียนด้วย โดยมีบางพรรคการเมืองสนับสนุนเบื้องหลังไม่ใช่การลี้ภัยสงคราม แต่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาในพื้นที่เศรษฐกิจ เป็นปัญหาใหญ่กระทบต่อความมั่นคงของชาติในอนาคต ปล่อยไว้จะเป็นภัยคุกคามที่รุนแรง ต้องตรวจสอบบางพรรค การเมืองที่มีนโยบายสนับสนุนแรงงานเมียนมา นอกจากนี้ยังมีทุนจีนที่อาศัยช่วงนโยบายท่องเที่ยววีซ่าฟรีมาตั้งรกรากทำธุรกิจ เปิดร้านอาหาร ร้านขายสินค้าราคาถูก สร้างแหล่งท่องเที่ยวเองแข่งกับผู้ประกอบการไทย เรียกว่า “ทัวร์ทุบตลาด” นายกฯ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นจริงจังโดยด่วน

นายกฯถก ก.ตร.ลุ้น ผบ.ตร.คนใหม่

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ครั้งที่ 8/2567 เวลา 14.30 น.วันที่ 7 ต.ค. วาระสำคัญพิจารณาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยมีชื่อผู้มีอาวุโส 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ไม่ว่าท่านใดจะมาเป็น ผบ.ตร.เป้าหมายสำคัญตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาคือการดูแลทุกข์สุข พิทักษ์สันติราษฎร์ให้กับพี่น้องประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดและลดอาชญากรรมทุกประเภทให้ได้ ขณะที่วาระอื่นๆจะมีการพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ การขอขยายระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งเฉพาะทาง เป็นต้น

จับเข่า 6 บริษัทชั้นนำท่องเที่ยวโลก

นายจิรายุกล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายกฯมีกำหนดพบหารือคณะผู้บริหารระดับสูงจาก 6 บริษัทชั้นนำด้านการท่องเที่ยวของโลก ได้แก่ Grab ผู้นำ Super App ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ IHG และ Marriott เครือโรงแรมชั้นนำ Agoda, Expedia, trip.com เว็บไซต์จองที่พักและการเดินทาง รวมถึงการบินไทย จะเป็นบันไดก้าวแรกเพื่อพัฒนาความร่วมมือกับภาคเอกชนอีกจำนวนมาก และยังเป็นโอกาสสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านการท่องเที่ยวของไทย เกิดประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ นักธุรกิจภาคการท่องเที่ยว จะเห็นผลในการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ นายกฯขอให้ทุกกระทรวงเศรษฐกิจเร่งกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกด้าน เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคัก นำไปสู่การพัฒนาวิถีชีวิต สร้างงาน เพิ่มรายได้ให้ประชาชน

แจกเงินหมื่นดันเรตติ้ง เพื่อไทยพุ่ง

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค. กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินแล้ว จำนวน 845 คน พบว่าสถานะทางการเงินของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้และมีหนี้ ร้อยละ46.75 จากเงินที่ได้รับได้นำไปใช้ซื้อของกินของใช้ ร้อยละ 47 โดยมองว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มาก ร้อยละ 57.75 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร ร้อยละ 53.61 ส่งผลให้ค่อนข้างเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ร้อยละ 50.65 อยากให้รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนเพิ่มคือ การเพิ่มเงินเดือน ค่าจ้าง สร้างงาน สร้างอาชีพ ร้อยละ 31.70 ทั้งนี้ จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ทำให้รู้สึกชื่นชอบพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.70

ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน

ขณะที่นิด้าโพลเปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “รับเงินสด 10,000 บาท แล้วจะสนับสนุนรัฐบาลไหม” เมื่อวันที่ 1-3 ต.ค. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ได้รับเงิน 10,000 บาทจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ทั่วประเทศ 1,310 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงการนำเงินไปใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเองและ/หรือคนในครอบครัวได้รับเงิน พบว่าร้อยละ 86.79 นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (รวมค่าน้ำ ค่าไฟ น้ำมันเชื้อเพลิง) ร้อยละ 16.49 เก็บออมไว้สำหรับอนาคต ร้อยละ 14.35 ใช้หนี้ ร้อยละ 13.59 ใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ (เช่น ซื้อยารักษาโรคหาหมอ) ร้อยละ 8.24 ใช้ลงทุนการค้า ร้อยละ 7.48 ใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ร้อยละ 1.37 ใช้ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 1.07 ใช้ซื้อหวย สลากกินแบ่งรัฐบาล ร้อยละ 0.99 ใช้ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มือถือ และเครื่องมือสื่อสาร ร้อยละ 0.69 ใช้จ่ายเพื่อการบันเทิง (เช่น เลี้ยงสังสรรค์ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ เป็นต้น) ร้อยละ 0.31 ใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยว ร้อยละ 0.15 ใช้ซื้อทองคำ เพชร พลอย อัญมณี และร้อยละ 0.99 ไม่ตอบ

ยังไม่แน่จะเทใจหนุนรัฐบาลหรือไม่

เมื่อถามถึงการสนับสนุนรัฐบาลของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเอง และ/หรือคนในครอบครัวได้รับผลประโยชน์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ร้อยละ 34.35 ยังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร ร้อยละ 30.31 มีส่วนทำให้สนับสนุนรัฐบาล ร้อยละ 20.38 จะมีหรือไม่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว ร้อยละ 13.13 ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 1.83 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

มวลชนรำลึก 48 ปี 6 ต.ค.19

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ มีการจัดงานครบรอบ 48 ปี เหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาและประชาชน ที่ มธ.และสนามหลวง เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2519 ท่ามกลางผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต นักการเมือง ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ยืนไว้อาลัยและวางดอกไม้รำลึกผู้เสียชีวิต บรรยากาศไม่คึกคักเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ผู้มาร่วมติดป้ายแสดงออกทางการเมือง เช่น รณรงค์การนิรโทษกรรมประชาชน “48 ปีไม่มีแล้วอุดมการณ์ “และ “โฆษณาชวนเชื่อ โฆษณาชวนฆ่า” “จากป่าสู่กลาโหม” ทั้งนี้ ได้มีพิธีมอบรางวัล จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย ให้บุคคลต้นแบบการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยปี 67 ให้แก่ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่เสียชีวิตหลังอดอาหารประท้วงปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่