สภาผู้แทนราษฎรรับรองรายงาน กมธ.การเงินการคลังฯ แก้ปัญหาราคาใบยาสูบ-ยาเส้นตกต่ำ พร้อมมีข้อเสนอให้กระทรวงการคลังเร่งปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ และปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติเรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ ประธาน กมธ.ฯ ตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาปัญหานี้ ร่วมกับหลายภาคส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยาสูบ

จากนั้น นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการ กล่าวว่า ปัญหาราคายาสูบและยาเส้นตกต่ำเป็นผลสืบเนื่องจากการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ในปี พ.ศ.2560 ที่ทำให้กำไรการยาสูบแห่งประเทศไทยลดจากระดับหมื่นล้านบาทเหลือเพียงระดับพันล้านหลังการปรับโครงสร้างภาษีเป็นแบบ 2 อัตรา และการปรับขึ้นอัตราภาษีอีกครั้งในปี พ.ศ.2564 ด้วยความหวังที่จะพลิกสถานการณ์กลับทำให้ผลกำไรเหลือเพียง 100-200 ล้านบาทเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า การปรับภาษีสรรพสามิตมีผลต่อการยาสูบฯ อย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้เกษตรกรชาวไร่ยาสูบที่พึ่งพาการรับซื้อใบยาสูบจากการยาสูบฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายครอบครัวต้องละทิ้งอาชีพไปและชาวไร่ที่เหลืออยู่ต้องเผชิญกับการโดนตัดโควตา และอยู่กับราคารับซื้อที่ไม่เพิ่มขึ้นนานกว่า 10 ปี ทั้งนี้ มาตรการภาษีบุหรี่กลับไม่ได้ทำให้การบริโภคบุหรี่ลดลง แต่กลับทำให้การบริโภคบุหรี่เถื่อนบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการได้เจรจาต่อรองกับการยาสูบฯ และกรมสรรพสามิต จนการยาสูบฯ ได้ปรับขึ้นราคารับซื้อทุกสายพันธุ์เฉลี่ย 10% และเพิ่มปริมาณการรับซื้อจาก 11-12 ล้านกิโลกรัม เป็น 13 ล้านกิโลกรัม ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีกับชาวไร่ยาสูบ และการยาสูบฯ ได้ทำเรื่องขออนุมัติเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตจาก ครม. ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา แต่การช่วยเหลือนี้ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถาวร

...

นายจิตติพจน์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการได้นำเสนอ 2 แนวทางหลักที่จะช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบในระยะยาว ได้แก่ 1. ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ ที่กระทรวงการคลังมีความพยายามที่จะปรับอยู่ให้มีความเหมาะสม คณะ กมธ. ฝากความกังวลว่า ควรเป็นการปรับโครงสร้างที่ช่วยให้ชาวไร่มีรายได้มากขึ้น 2. รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร ต้องจริงจังกับการปราบปรามบุหรี่เถื่อน เพื่อสกัดการลักลอบนำเข้าอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างกาประชุม มี สส. อภิปรายสนับสนุนผลการศึกษาของรายงานฉบับนี้ เช่น นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายปรีติ เจริญศิลป์ สส. นนทบุรี พรรคประชาชน และนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย เป็นต้น โดยเห็นพ้องไปในทางเดียวกันว่า การปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่เป็นแบบ 2 อัตราในปี 2560 เป็นความล้มเหลวที่ทำให้การยาสูบฯ มียอดขายที่ลดลงและการจัดเก็บรายได้ภาษียาสูบของกรมสรรพสามิตลดลงด้วย เมื่อบุหรี่นอกตีตลาดและมีราคาสูงขึ้น ผู้บริโภคต่างหันไปหาบุหรี่เถื่อนที่ราคาถูกกว่า กระทรวงการคลังจึงควรเร่งปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่เพื่อยุติความสูญเสียที่เกิดขึ้นตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ผู้เสนอญัตติ ได้สรุปภายหลังอภิปรายว่ารายงาน กมธ. ฉบับนี้ ถือว่าเป็นรูปธรรมที่สุดตั้งแต่เคยมีมา เพราะได้ช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบผ่านการปรับขึ้นราคา ขึ้นโควตาและเดินหน้าเรื่องเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตอย่างจริงจัง ก้าวต่อไปคือ การหาหนทางเพื่อทำให้การยาสูบฯ กลับมามีกำไรเหมือนเดิม หรือใกล้เคียงเดิม ทั้งนี้ เมื่อสภาฯ มีมติร่วมกันในการรับรองรายงานฉบับนี้แล้ว สภาฯ จะนำรายงานฉบับนี้เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการต่อไป