เปิดทางกองเชียร์ส่งเสียงดังได้ ผู้นำหญิงไทยโชว์หรูเวทีโลก

ตามคิวที่ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ เวทีการเจรจาความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ร่วมกับผู้นำ 30 กว่าประเทศเอเชีย ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงประเดิมโชว์วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศไทย

อีกทางหนึ่งก็มีข่าวหนุนเสียงเฮ และกระตุกต่อมหมั่นไส้ของกองแช่ง เมื่อนิตยสารไทม์ ได้ประกาศรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต Times 100 Next ในประเภทผู้นำการเมือง

รอบนี้มีชื่อนายกฯหญิงไทย ติดชาร์ตผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตด้วย

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเพราะคุณสมบัติ แค่เป็นผู้นำหญิง อายุน้อย ใหม่สดตามเทรนด์โลก หรือเพราะประกาศเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ ขณะที่ก็เคยมีผู้นำค่ายส้ม ทั้ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ก็เคยติดชาร์ตนี้

แต่คิวนี้ก็คงหยุดกองเชียร์ไม่อยู่ ทีมเชลียร์หามแห่ให้ได้ยืดโชว์เบิ้ลเลย

เพียงแต่เหรียญก็มีสองด้าน รางวัลการันตีมีหลายมุม เพราะอีกทางก็ไปปลุกอาการเกร็งของผู้นำหญิงวัยอ่อนไม่มากก็น้อย

กับภารกิจหนักอึ้ง ชนิดที่ “โล่รางวัล” ก็เป็น “โล่กำบัง” ให้ไม่ได้

เอาแค่เวทีประเดิมโชว์วิสัยทัศน์กับบรรดาผู้นำประเทศเอเชีย มีระดับบิ๊กประเทศเข้าร่วม ในห้วงสถานการณ์แบ่งขั้วแบ่งฝ่าย ภูมิรัฐศาสตร์กำลังร้อนแรง จีโอโพลิติกเข้มข้นไม่เว้นที่ว่างแม้แต่ในทวีปเอเชีย

ประกอบกับกรุงโดฮา การ์ตา อยู่ในย่านเอเชีย ตะวันออกกลาง พื้นที่ขัดแย้งที่กำลังระอุเดือด กำลังฟึดฟัด ฮึดฮัดยิงขีปนาวุธบึมบอมบ์โต้กันอยู่ ทั้งอิสราเอล-กองกำลังไม่ใช่รัฐสารพัดกลุ่ม เลบานอน อิหร่าน

เข้าใกล้พื้นที่ “จุดความร้อนใหญ่” แห่งความขัดแย้งสงคราม “นายกฯอิ๊งค์” ก็ต้องทรงตัววางท่าทีให้แม่น

...

เพราะพกเดิมพันสูง แบกสถานะผู้นำประเทศไทยไปด้วย

โชคดีที่งานนี้ถึงไม่พก “ของขลัง” ไปด้วย แต่ก็ยังมีบารมีอดีตผู้นำผู้พ่อ อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” คอยป้องภัย เพราะชื่ออดีตผู้นำไทยรายนี้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน คือผู้ริเริ่มก่อตั้งการรวมกลุ่ม เปิดเวทีเอซีดี

ดีลผู้นำ ดึง 18-19 ประเทศ ทั้งจากกลุ่มอาเซียนและบรรดาบิ๊กๆ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ปากีสถาน ซาอุฯ กาตาร์ คูเวต อิหร่าน ฯลฯ ร่วมข้อตกลงนำทีมมาร่วมฟลอร์ เพื่อยกระดับการเจรจาต่อรองของทวีปที่มีประชากร จีดีพี เกินครึ่งของโลก

สมัยนั้นถึงขั้นมีแนวคิดเด็ดออกพันธบัตร “เอเชียบอนด์” ชวนเอเชียก้าวล้ำๆ กว่า 2 ทศวรรษมาแล้ว

คิวนี้ชื่อ “ทักษิณ” จึงยังพอขลัง แบ็กอัปลูกสาวได้

เช่นเดียวกับคิวถัดไป การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน วันที่ 8-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว บารมีผู้พ่อตระกูลชินวัตร ก็ย่อมจัดเต็มให้ นอกเหนือจากมีทีมงานต่างประเทศชุดเดิมที่เคยพาพ่อโชว์หรู

“ทักษิณ” ต้องออกแรงหลักฉาก ในฐานะ “ลมใต้ปีก” ผู้นำหญิง

ในจังหวะที่รัฐนาวา “เพื่อไทย” เพิ่งเริ่มออกจากท่า ฝนฟ้าอากาศ คลื่นลมชักเริ่มไม่เป็นใจ ขวากหนามบนเส้นทางมากมาย ทั้งกับดัก ตะปูเรือใบ ระเบิดการเมือง หอกข้างแคร่ในรัฐบาลคอยทิ่ม

วิกฤติปรากฏเป็นระลอก ทั้งน้ำท่วม ดินโคลนถล่มเมืองเหนือ จ่อท่วมทั่วไทย เกิดเหตุไม่คาดฝัน สถานการณ์โศกสลดรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้

ขณะที่โจทย์ใหญ่ แก้เศรษฐกิจปากท้อง อัดฉีดเงินหมื่นกำลังไปได้ดี ก็เจอปมน้ำท่วมกระตุกการฟื้นตัวเลขจีดีพี ยังไม่รวมสถานการณ์ไฟลุกในตะวันออกกลางกระทบ

สถานการณ์น้ำมัน ทอง หุ้น ค่าเงิน ต้องติดตามบริหารจัดการไม่ให้กระทบเศรษฐกิจประเทศ

มีโจทย์รอให้แก้ให้ทำอื้อเลย

นอกจากบทโชว์ภาวะผู้นำ บริหารจัดการสถานการณ์วิกฤติได้ดี ทั้งน้ำท่วม-เหตุภัยฉุกเฉิน

ร่วมทุกข์ร่วมสุข ลงพื้นที่ตรวจความเสียหาย ร่วมแสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัย ปลอบประโลมครอบครัวผู้ประสบเหตุ สั่งการเป็นระบบขั้นตอน

แต่ถึงเวลายังไง “ผู้นำหญิง” ต้องปาดน้ำตาให้พร้อมไปต่อ

เพราะอย่างไรเรื่องหลักๆ ก็ต้องทำเองลงมือเอง คนเป็นพ่อช่วยคิดช่วยวางเกมให้ได้

แต่ถ้าแสดงแทนเกินหน้าเกินบทบาทนายกฯ ลูกสาว ก็สุ่มเสี่ยง พากันพังพาบซ้ำอีก.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม