“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เผย ภารกิจแรกหลังรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ลุยตรวจสอบคำร้องในสภาฯ ต้นปีหน้าเตรียมยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ยันฝ่ายค้านยังทำหน้าที่เข้มข้น ไม่มีลดลง ยอมรับเรื่องของความนิยมในตัวผู้นำพรรคมีขึ้นมีลง เตรียมเดินสายแคมเปญ “เท้ง ทั่วไทย” ฟังปัญหาประชาชน
วันที่ 1 ตุลาคม 2567 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยกับไทยรัฐ ว่าภารกิจแรกหลังรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ คือการผลักดันร่างพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าที่จะเข้าสภาฯ วันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) เป็นตัวอย่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขณะเดียวกันการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน คณะกรรมการชุดนี้ก็เลยถูกพักไว้ก่อน จากนี้ก็จะสามารถกำกับดูแลให้ สส. ทุกคนทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างเต็มที่ เชื่อว่าหลังจากนี้จะสามารถเดินหน้าคำร้องที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมากได้ ซึ่งในฐานะผู้นำฝ่ายค้านจะผลักดันการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ส่วนแผนระยะกลาง คือให้เวลารัฐบาลทำงานสักระยะจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะแม้จะเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ แต่ก็รับไม้ต่อมาจากครม.เศรษฐาเกือบทั้งหมด ต้นปีหน้าฝ่ายค้านก็จะมาหารือกันถึงความเหมาะสมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนข้อเสนอแนะของนักวิชาการที่อยากให้พรรคประชาชนแสดงบทบาทฝ่ายค้านที่ขึงขังมากกว่านี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ในสภา ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม ไม่มีลดลงแน่ มีตัวอย่างให้เห็นแล้วในการอภิปรายงบประมาณ ส่วนจะเสริมมากขึ้นคือการทำงานในพื้นที่ ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านก็จะใช้บทบาทนี้เดินสายพบปะประชาชนทั่วประเทศเพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนว่า นโยบายของรัฐบาลมีเรื่องไหนที่ไม่ตอบโจทย์บ้าง เพื่อนำมาสะท้อนในสภาฯ
...
นายณัฐพงษ์ ยังยอมรับว่าเรื่องของความนิยมในตัวผู้นำพรรคมีขึ้นมีลง เมื่อรัฐบาลทำนโยบายที่ตรงจุด เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในฐานะที่ตนเองเป็นฝ่ายค้านไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะเงินหมื่นที่กลุ่มเปราะบางได้รับ บางทีสามารถช่วยชีวิตของเขาให้ดำรงอยู่ได้หลายเดือนเพราะถือเป็นเงินจำนวนมาก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีปัญหาโครงสร้างพื้นฐานหลายเรื่อง ขณะที่ยังเหลือพื้นที่ทางการคลังน้อยมาก หากอนาคตประเทศเกิดวิกฤตก็จะไม่มีเงินถุง เงินถัง ไว้ใช้รองรับวิกฤตอีกต่อไป จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องส่งเสียงไปยังรัฐบาลว่าต้องกันเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่สำคัญมากกว่าด้วย
สิ่งที่ถูกต้องในการทำนโยบายคือการหาจุดสมดุล ระหว่างการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับการแก้ปัญหาระยะยาว ตนมองว่าที่รัฐบาลยอมทำตามเสียงสะท้อนของฝ่ายค้านและสังคม จนปรับเปลี่ยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมาเป็นแจกเงินหมื่นก็ถือเป็นผลงานหนึ่งของฝ่ายค้านเช่นกัน จากนี้ไปต้องรอดูนโยบายอื่นๆ ที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนออกมา และนโยบายที่รัฐบาลพูดแล้วแต่ยังไม่สามารถผลักดันให้สำเร็จ เช่น นโยบาย “คลาวด์ เฟิร์ส” สร้างระบบความปลอดภัยให้ข้อมูลของหน่วยงานรัฐเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านจะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาชนจะต้องทำก็คือต้องลงพื้นที่ให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยปี 2568 ตนก็จะเดินสายทั่วทั้ง 77 จังหวัดสลับกับการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าเราเห็นปัญหาของประชาชนมากพอ เรามีนโยบายที่พัฒนามาจากปัญหาในพื้นที่จริงๆ และเราพร้อมที่จะเป็นรัฐบาลครั้งหน้าแน่นอน “คนที่จะเป็นผู้นำของประชาชนในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ปัญหาของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่จริงๆ และรู้ว่านโยบายไหนที่จะตอบโจทย์ของชาวบ้านได้ จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “เท้ง ทั่วไทย””