นายกฯ พร้อมเปิดห้องคุย “สนธิ ลิ้ม” หลังประกาศเตรียมระดมม็อบไล่รัฐบาลต้นปีหน้า อยากให้ประเทศเดินหน้าไม่สะดุด ชี้ชาติสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญ พ้อเพิ่งทำงานได้เดือนเดียวจะไล่แล้ว

วันที่ 1 ตุลาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศขอเดินครั้งสุดท้ายรวมมวลชนขับไล่รัฐบาลต้นปีหน้าและเรียกร้องนายกรัฐมนตรี 3 เงื่อนไขและให้ตามหาคนที่เคยลอบยิงตนเองเมื่อปี 2552 นั้น ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลจะประเมินและเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า เพิ่งทำงานได้เดือนเดียวเองจะไล่แล้วเหรอ พร้อมกับหัวเราะและพูดซ้ำว่า “จะไล่แล้วเหรอคะ อย่าพึ่งไล่เลยค่ะ” นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่ายังไม่มีโอกาสได้คุยกับนายสนธิเลย และตนเองก็พร้อมที่จะพูดคุย วันนี้เป็นรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องพูดคุยกับทุกคนและการทำให้ประเทศชาติสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าประเทศสงบสุขคนไทยก็มีความสุข ต่างประเทศก็จะมาลงทุน ถือเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะมีวิธีพูดคุยอย่างไร จะใช้การเดินสายพูดคุยหรือไม่ นางสาวแพทองธารถามกลับผู้สื่อข่าวว่า ให้แนะนำหน่อยยังไงดี ให้ประเทศชาติสงบสุขจะทำยังไงดี ตนเองพร้อมและไม่พร้อมมีเรื่องอยู่แล้ว ไม่คิดจะไปสู้กับอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ซึ่งทั้งตนเองและรัฐบาลพุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจดีคนไทยมีฐานะที่รวยขึ้นสบายขึ้นทุกอย่างก็จะดีขึ้น ซึ่งตนเองก็ไม่อยากจะมีเรื่อง ถ้าประเทศชาติมันดีเศรษฐกิจมันไป นั่นแหละคือสิ่งที่อยากให้เป็น

ส่วนการรวมมวลชนลงถนนจะเป็นการเมืองแบบเก่า และส่วนตัวนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่คิดว่าควรจะใช้การเมืองใหม่แบบสร้างสรรค์หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่ได้คิดเรื่องการลงถนน และคิดว่าถ้าถึงขนาดต้องลงถนนกันจริงๆ ก็มาคุยกันก่อนก็ได้ว่าปัญหาคืออะไร และคิดว่าทุกอย่างน่าจะคุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเกลียดชังหรือความรุนแรงเข้าหา วันนี้ก็เป็นตัวอย่างว่าทุกคนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากหลายพรรคการเมืองก็คุยกันได้

...

ส่วนที่นายสนธิจะออกมาขับไล่รัฐบาลเป็นเพราะตระกูลชินวัตรนั้น นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ถ้าสมมติว่าปี 2019 ที่แต่งงานไปแล้วเปลี่ยนนามสกุล ก็จะไม่มีปัญหาใช่ไหม ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันและไม่อยากให้มีเรื่อง

ช่วงท้ายของการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวพยายามจะถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีที่พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้เกี่ยวข้องกับคดีตากใบ มาดำเนินคดีหลังใกล้จะหมดอายุความ แต่นายกรัฐมนตรีไม่ตอบแต่เดินไปพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่แนะนำปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีก็แซวว่าต่อไปต้องเรียกว่าปลัดแล้วนะ