วันนี้ กรมบัญชีกลาง จะโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 10,000 บาท แจกให้กับ คนจนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นวันสุดท้าย 2.25 ล้านคน ก็จะครบจำนวนผู้ได้รับสิทธิ 14.55 ล้านคน รวมเงินที่แจก ในโครงการนี้ 145,500 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนใน “โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท”  36 ล้านคน เมื่อตัดยอดผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับเงินแจกไปแล้วกว่า 10 ล้านคน ก็จะเหลือ 26 ล้านคน เมื่อคัดกรองอีกรอบคาดว่าจะเหลือ 22–24 ล้านคน และ อาจลดเงินแจกจาก 10,000 บาท เหลือเพียงคนละ 5,000 บาท

เพราะ รัฐบาลก็ถังแตก งบที่ตั้งไว้สำหรับ โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ใน ปี 68 จำนวน 152,700 ล้านบาท ต้องกัน เงินส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือนํ้าท่วมภาคเหนือ จึงเหลือวงเงินไม่พอที่จะแจกให้คนละ 10,000 บาท

คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ อย่างสั้นๆตามเคยว่า รอให้กระทรวงการคลังมายืนยัน มีหลายแบบ ถ้าให้อธิบายตอนนี้มันจะสั้นไปหน่อย ในขณะที่ คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ต้องรอความชัดเจนจาก คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันประชุม ส่วนจะแจกคนละ 10,000 บาท หรือ 5,000 บาท ต้องดูความเหมาะสม เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายมิติ

คุณจุลพันธ์ กล่าวยืนยันว่า การแจกเงินเฟส 2 จะเดินหน้าผ่าน ระบบดิจิทัล แต่ไม่น่าจะทันในปีนี้  เนื่องจาก ติดปัญหาเรื่องระบบ  ส่วน จะแจกทันในไตรมาสแรกปี 2568 หรือไม่ ไม่อยากให้ใช้เวลามาเป็นตัวเร่งรัด แต่จะรีบที่สุดตามความต้องการของประชาชน

เป็นอันว่า ผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จำนวน 36 ล้านคน หักผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่รับเงินไปแล้ว และคัดกรองรอบที่สอง ก็ยังเหลือผู้มีสิทธิ 22–24 ล้านคน ถือว่าเยอะพอสมควร ถ้าแจกคนละหมื่นทุกคน ก็ต้องใช้เงินอีก 220,000–240,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลถังแตกอยู่ ไม่มีเงินแจกแน่นอน จึงเป็นไปได้ว่า อาจจะแจกแค่คนละ 5,000 บาท แต่เงิน 5,000 บาท ก็ยังต้องรอต่อไปไม่มีกำหนด ผมไม่เชื่อว่าไตรมาสแรก ปี 2568 รัฐบาลจะสามารถแจกได้ เพราะ ยังไม่มีระบบชำระเงิน  และ ระบบบล็อกเชน  การพัฒนาระบบชำระเงินที่สามารถเชื่อมกับระบบชำระเงินของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องลงทุนสูง และใช้เวลาพัฒนาเป็นปีแน่นอน

...

จึงเป็นไปได้สูงที่ คนรอเงินดิจิทัลเฟส 2 อาจต้องกินแห้วอีกในปี 2568 หรืออาจต้องรอไปจนถึงปี 2569 ถ้ายังไม่เลิกโครงการ และชื่ออาจจะหล่นหายไปก็ได้ เพราะระบบค่อนข้างมั่ว

ตอนลงทะเบียน “โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท” รัฐบาลให้ลงทะเบียนรับสิทธิผ่าน “แอปทางรัฐ”  แต่การตรวจสอบว่าได้รับสิทธิหรือไม่ ต้องไปตรวจสอบผ่าน “แอปรัฐจ่าย” ซึ่งเป็น คนละแอปกัน และ การจ่ายเงิน รัฐบาลกลับจ่ายผ่าน “ระบบพร้อมเพย์”  ที่มีการผูกเบอร์โทรศัพท์สมาร์ทโฟนติดกับเบอร์บัตรประชาชนเท่านั้น ถ้าเป็น “โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท”  ที่รัฐมนตรีช่วยคลังยืนยัน ยังต้องทำผ่าน “ระบบบล็อกเชน” ที่รัฐบาลจะสร้างระบบขึ้นมาใหม่ เพื่อควบคุมเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินตามที่ได้ประกาศไว้  คือ ต้องใช้จ่ายภายในอำเภอตามชื่อทะเบียนบ้านเท่านั้น และจำกัดการซื้อสินค้าตามกำหนด ไม่สามารถนำไปใช้หนี้ ซื้อเหล้า ซื้อลอตเตอรี่ เหมือนเงินสด 10,000 บาท ที่แจกไปตอนนี้

ในข่าวทีวี ลุงป้าบางคนบัตรเอทีเอ็มอยู่กับนายทุนเงินกู้นอกระบบ เงินหมื่นได้แบ่งมาแค่ 5 พัน ซื้อข้าวไว้กินทั้งปี 2–3 พัน เหลือเงินติดตัวแค่ 2 พัน ต้องจ่ายดอกรายเดือนอีก

ดูข่าวแล้วก็เศร้าใจ ไม่รู้ “พายุหมุนเศรษฐกิจ” จะมาสักกี่โมง? ถ้ารัฐบาลไม่เร่งฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ความยากจนก็จะแผ่ซ่านไปทุกหย่อมหญ้า ความเหลื่อมล้ำจะซํ้าเติมให้คนจนไม่มีโอกาสได้ เงยหน้าอ้าปากไปชั่วชีวิต  เป็นอนาคตที่เศร้ายิ่งกว่านวนิยายนะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม