ขอแสดงความดีใจกับรัฐบาล กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 14.55 ล้านคน ที่ได้รับแจกเงินคนละหมื่นบาท รวมเป็นเงิน ทั้งหมด 145,500 ล้านบาท เป็นชุดแรก ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน และจะทยอยแจกอีกในวันที่ 26, 27 และ 30 ส่วนรอบที่สองรัฐบาลจะทยอยแจกต่อไป
การแจกเงินครั้งนี้พิสูจน์ชัดเจน ว่ารัฐบาลสามารถแจกเงินให้คนทั้งประเทศ พร้อมกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ โดยไม่ต้องเถียงกันว่าน้ำท่วม กับการแก้รัฐธรรมนูญทำพร้อมกันได้ (ถ้าต้องการ) เพราะรัฐบาลมีหน่วยงานที่แบ่งงานกันทำ มีกระทรวงต่างๆกว่า 10 กระทรวง รับปัญหาน้ำได้ ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องรัฐสภา
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เคยเสียท่ามาแล้วในช่วงที่น้ำท่วมหนักในภาคเหนือ โดยให้สัมภาษณ์นักข่าวว่ารัฐบาลยังไม่สั่งการอะไร เพราะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญมาตรา 162 ระบุว่าก่อนที่จะแถลงนโยบาย หากมีกรณีจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าจะกระทบถึงประโยชน์ของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะดำเนินไปพลางก่อน เพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้
รายการแจกเงินหมื่นครั้งนี้คนที่ดีใจที่สุดนอกจากประชาชนผู้ได้รับแจกแล้ว นายกรัฐมนตรีก็น่าจะดีใจที่สุด เพราะเป็นผลงานชิ้นสำคัญชิ้นแรก ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แม้พายุเศรษฐกิจจะหมุนไม่ถึง 4 รอบ ตามราคาคุย
แต่ก็ได้บรรเทาเบาบางปัญหาประชาชน ตามคำแถลงต่อรัฐสภาได้บางส่วนเช่น ปัญหาหนี้สินที่คนไทยทั่วประเทศมีหนี้สินถึง 16 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคม มีหนี้ครัวเรือนเสียพุ่งขึ้น 5 เท่า ภายใน 5 เดือน พุ่งขึ้น 1.14 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ เป็นหนี้ผ่อนรถยนต์ ผ่อนบ้าน และบัตรเครดิต
คนไทยเป็นหนี้ถึง 25.5 ล้านคน หรือ 38% ของประชากรทั้งประเทศ มีหนี้เฉลี่ยคนละ 540,000 บาท ลูกหนี้ส่วนใหญ่อายุ 25–35 ปี อยู่ในชนบทเป็นคนจนมากมาย คนที่หวังจะได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นวันละ 400 บาท ก็อาจสิ้นหวัง เพราะการประชุมคณะไตรภาคีล่มสองหนแล้ว อีกปัญหาที่ตามมาคือความเหลื่อมล้ำ
...
ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความเหลื่อมล้ำสูง เหลื่อมล้ำทั้งรายได้ โอกาสด้านการศึกษา ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และอำนาจ รัฐบาลส่วนใหญ่มักใช้นโยบายลดแลกแจกแถม แก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงน่าเป็นห่วงนโยบายแจกเงินหมื่น จะทำให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ตามความปรารถนาและสัญญาของนายก รัฐมนตรีหรือไม่.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม