ศาลอาญา เลื่อนพิพากษาคดี พรรคก้าวไกล ฟ้อง “ณฐพร โตประยูร” หมิ่นล้มล้างการปกครอง ให้ยุบพรรค เรียกค่าเสียหาย 24 ล้านบาท เป็น 20 พ.ย. 2567 ขณะที่จำเลย มั่นใจสิ่งที่พูดไปเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด
วันนี้ 25 ก.ย. 2567 ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ฯ พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 24,062,475 บาท กรณีเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2564 จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยจำเลยได้กล่าวถ้อยคำและมอบเอกสารที่มีข้อความฝ่าฝืนความจริงต่อบุคคลที่สาม โดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อให้โจทก์ถูกยุบพรรคด้วยการกล่าวหาโจทก์กระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 โดยไปแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พรรคโจทก์กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทั้งที่พรรคโจทก์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะการแก้ไข มาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญาให้เป็นไปตามหลักสากลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน อยู่เคียงข้างประชาธิปไตย ทำให้พรรคโจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด พร้อมชดใช้ค่าเสียหายแก่พรรคโจทก์ จำนวน 240,062,475 บาท ซึ่งนายณฐพร จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
ในช่วงเช้าวันนี้ นายณฐพร จำเลยพร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา ขณะที่พรรคก้าวไกลมีผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์มาแทน
อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล ศาลสอบถามผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์แล้ว แถลงว่า ยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีของโจทก์มีความประสงค์จะดำเนินคดีนี้ต่อไปอย่างไร ขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรให้ผู้ชำระบัญชีของพรรคก้าวไกลเข้ามาในคดี และแถลงต่อศาลเสียก่อน จึงให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 พ.ย. 2567 เวลา 09.30 น.
...
โดยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี นายณฐพร จำเลยเดินทางมาถึงศาลอาญา เปิดเผยว่า วันนี้ไม่มีความกังวล มั่นใจว่าคดีน่าจะจบได้ เพราะพรรคก้าวไกลถูกยุบไปแล้ว ดังนั้น โจทก์ที่เป็นนิติบุคคลก็ต้องถือว่าหมดสภาพไป และเนื้อหาที่พรรคก้าวไกลฟ้องก็คือ กรณีที่ตนไปยื่นให้ กกต. ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง
นายณฐพร ยืนยันว่า สิ่งที่ตนพูดไป เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่มีปรากฏจากสื่อมวลชน ไม่เคยใส่ความโจทก์ ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยแล้วด้วยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลเป็นความผิดฐานล้มล้างการปกครอง วันนี้จึงไม่มีความกังวล
“ทุกคดีที่ตนยื่นร้องเรียนนั้น ไม่ได้ใช้เพียงแค่หลักฐานจากสื่อมวลชน แต่ยังมีเอกสารทางราชการประกอบด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร แต่ต้องการทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม” นายณฐพร ระบุ
ต่อมาภายหลังศาลมีคำสั่งให้เลื่อนฟังคำพิพากษา นายณฐพร จำเลยให้สัมภาษณ์ว่า ตนเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลจำหน่ายคดี เนื่องจากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ได้หมดสภาพนิติบุคคลลงแล้ว ซึ่งศาลรับคำร้อง แต่วันนี้ตัวแทนฝ่ายโจทก์แถลงต่อศาลยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีของพรรคก้าวไกล จะดำเนินการอย่างไร จึงให้เลื่อนไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 พ.ย.นี้
นายณฐพร กล่าวอีกว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว เมื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นโจทก์สิ้นสภาพนิติบุคคล ก็ถือว่าคดีต้องหมดไป และไม่สามารถยื่นฟ้องใหม่ได้แล้ว แต่วันนี้ตนอยากให้ศาลมีคำพิพากษามากกว่า เพราะจะได้เห็นเนื้อหาของคดีให้ชัดเจนไปเลย แต่ก็ต้องให้ขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย