คำมั่นสัญญาทางการเมืองระหว่างประชาชนกับพรรคการเมืองนั้นในทางสากลแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน
เพราะแนวทางหรือนโยบายของพรรคการเมืองนั้นคือทิศทางที่จะบอกว่าหากเลือกพรรคนั้นประเทศจะไปทางไหน
ทำให้รู้ว่าถ้าพรรคนี้ได้เป็นรัฐบาล ประเทศนี้จะเป็นอย่างไร
ต่างประเทศพรรคการเมืองหรือบุคคลทางการเมืองที่จะไปเป็นผู้นำไม่ว่านายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี
จึงต้องแน่ใจว่าเมื่อประกาศไปแล้วจะต้องทำให้ได้ ไม่ใช่ประกาศไปส่งเดชแล้วไม่รับผิดชอบอันนี้แหละคือ
คำมั่นสัญญาทางการเมืองที่ต้องยึดถือเป็นหัวใจสำคัญ
คนจะเลือกหรือไม่เลือกก็วัดกันตรงนี้แหละ...
แต่ของไทยเป็นอีกแบบหนึ่ง ถ้าคำมั่นสัญญานั้นประกาศไปแล้วทำได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่ได้ก็หาเหตุผลมาแก้ตัวเดี๋ยวก็ลืมกันไปเอง
เว้นแต่คำสัญญานั้นถ้าประชาชนได้ประโยชน์โดยตรงอย่างเช่นว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้อย่างแจกหัวละหมื่นบาท
อันนี้จะจำแม่นและทวงถามตลอด...
แต่ถึงนัดหมาย ได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกที
ถ้าได้ก็จะจำไปตลอดว่าพรรคการเมืองโดยผู้นำคนนี้อย่างฝังใจไม่ว่าผู้นำคนนี้จะโกงกินอย่างไรก็ปิดตาข้างหนึ่ง
ด้วยหลักคิดของคนไทยเป็นอย่างนี้
นักการเมืองไทยจึงหวานหมูเพราะหลอกได้ง่าย
เข้าฤดูกาลเลือกตั้งจึงออกนโยบายตีกิน ไม่รู้จะทำได้หรือไม่แต่ก็กล้าที่จะบอกจะทำอย่างนั้นอย่างนี้
เพราะคนไทยลืมง่าย...เป็นเหตุหนึ่งให้การเมืองมันถึงไม่มีคุณภาพ
“เพื่อไทย” ประกาศนโยบายระหว่างหาเสียงโครงการประชานิยม “ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งต่างจากพรรคการเมืองอื่น
คนไทยก็ลูบปากเพราะจะได้หัวละหมื่นฟรีๆ หากเลือกพรรคนี้
1 ปีกว่าๆถึงจะได้เงินเพราะทำไปคิดไปไม่ได้วางแผนตั้งแต่แรกจึงทุลักทุเลกว่าจะดันให้มาถึงจุดนี้ที่เปลี่ยนแทบทุกอย่างล่าสุดจะแจกเป็นเงินสดแต่ลดจำนวนประชาชนลง
...
“เฟส 1” ได้แน่แต่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ประกาศไว้
“เฟส 2” นี้ไม่ได้แล้วแต่ปีหน้าก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ หรือถ้าได้ยอดเงินคงน้อยลง
แต่ก็สามารถบอกได้ว่ารัฐบาลทำตามสัญญาแล้วนะ
หรือเรื่องค่าแรงบอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะได้วันละ 600 บาท ทำท่าจะเป็นหมันเสียแล้ว เพราะแค่วันละ 400 บาท ก็ยังไปได้ยาก
เนื่องจากค่าแรงนั้นมีความผูกพันกับเศรษฐกิจทั้งระบบไม่ใช่แยกออกเป็นส่วน เพราะถ้าขึ้นมากก็จะเกิดปัญหากับนายจ้าง และทำให้สินค้าขึ้นราคาเพราะต้นทุนสูงขึ้น
ไม่ใช่รัฐบาลจะกำหนดได้เอง!
เป็นอันว่า “เพื่อไทย” ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ประกาศได้นี้ ถ้าหากเป็นต่างประเทศอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนลุกฮือประท้วงแน่ หรือพรรคฝ่ายค้านไล่ถล่มแหลก
แต่ยังไงย่อมส่งผลต่อความนิยมที่จะลดน้อยลงแน่หากเกิดประเด็นอื่นๆเข้ามาผนวกน้ำหนักให้เกิดความไม่พอใจ
แน่นอนว่ารัฐบาลกำลังอยู่ในภาวการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม