ในกระบวนการขับเคลื่อนทางการเมือง ณ เวลานี้สามารถแยกออกได้เป็น 2 ส่วน คือเฉพาะหน้าและอนาคตข้างหน้า

เฉพาะหน้าก็อยู่ที่การบริหารราชการแผ่นดิน เร่งฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขปมที่ถูกบีบรัดว่าด้วยจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต

อีกส่วนคือความเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตของข้างหน้าระหว่าง 2 ฝ่าย คืออนุรักษ์นิยมและเสรีประชาธิปไตยก้าวหน้า

เพื่อไปสู้กันในสนามเลือกตั้งปี 2570

พูดง่ายๆ ว่าเตรียมความพร้อมเพื่อการเข้าสู่อำนาจรัฐ

พรรคประชาชนหลังจากถูกยุบพรรคจาก “ก้าวไกล” แม้รูปทรงพรรคจะเดินหน้าต่อไปได้แต่เสียงตอบรับทางการเมืองดูแผ่วลงไป

จากผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ราชบุรี และเลือกตั้งซ่อม สส.ที่พิษณุโลก ซึ่ง 2 สนามนี้ถือว่า “พลิกล็อก” ก็ว่าได้เพราะพ่ายแพ้แบบที่ต้องนำไปคิดใหม่ทำใหม่

เนื่องจากได้ทุ่มเทหาเสียงอย่างเต็มที่แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

อันแสดงให้เห็นว่าความนิยมของพรรคเริ่มถดถอยลงไปแล้วจึงต้องปรับปรุงเปลี่ยนโดยเริ่มต้นจากองค์กรพรรคที่ยังไม่เข้มแข็งพอเพราะไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้

ข่าวว่าจะเพิ่มตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคอีก 10 คน และรองเลขาธิการพรรคอีก 12 คน เพื่อทำให้องค์กรเข้มแข็งขึ้น

บุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่จึงต้องเลือกเอาคนที่เด่นดังและมีศักยภาพเป็นที่รู้จักของมวลชนเพื่อทำงานและเข้าถึงประชาชนลงลึกกว่าเดิม

ก็ต้องดูกันไป...แต่อย่างน้อยก็คงรู้ว่าพรรคมีจุดอ่อนตรงไหนอย่างไร

อีกด้านฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ “เพื่อไทย” เป็นหัวขบวนอยู่ในปัจจุบันและมั่นใจว่าจะต่อกรเพื่อเอาชนะคู่แข่งสำคัญคือ “ประชาชน” ได้

แต่ก็ยังมีบางฝ่ายเห็นว่าแค่นี้ยังไม่เพียงพอ จะต้องมีการเสริมใยเหล็กเพื่อให้เกิดความชัวร์ว่าจะไม่มีความผิดพลาด

...

จึงมีข่าวว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่โดยมีอดีตข้าราชการจาก “บิ๊กตำรวจ”-“บิ๊กมหาดไทย”-“บิ๊กทหาร” แต่ละคนล้วนเป็นคนดัง เอ่ยชื่อออกมาทุกคนต้องร้องอ๋อ

ตั้งพรรคแนวอนุรักษ์นิยมสมัยใหม่เพื่อให้เข้ายุคสมัยด้วยแนวคิดใหม่ๆพร้อมด้วยเทคโนโลยีและที่คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนด้วย

เพื่อเสริมพลังแนวทางอนุรักษ์นิยมหวังจะชิงธงนำหน้าในฐานะหัวขบวนหรือเพื่อหวังเข้าไปเป็นผู้นำแทนหากเกิดปัญหาทางตันทางการเมือง

นี่เป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น...

ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมให้ปรากฏ

แวดวงการเมืองวิเคราะห์กันแล้วว่าแค่คิดก็ผิดแล้วเพราะเป็นเรื่องยากที่พรรคนี้จะเติบโตได้อย่างที่ต้องการแม้จะมีคอนเนกชันดีก็ตาม

เพราะพรรคการเมืองฝ่ายนี้ก็มีมากอยู่แล้วและมีการจัดระเบียบหลวมๆ เอาไว้แล้ว โดย “เพื่อไทย” เป็นแกนใหญ่ที่ต้องการให้พรรคอื่นๆ เกาะกลุ่มกันไว้อย่างนี้โดยมั่นใจว่าจะชนะได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกพรรคจะยอมหรือไม่...นี่คือปัญหา

เพราะทุกพรรคต่างก็ต้องการเป็นที่หนึ่งตามวิสัยของนักการเมืองเมื่อถึงเวลาก็พร้อมสู้ทุกรูปแบบ

แค่นี้ยากเสียแล้ว

การจะมาตั้งพรรคใหม่เข้ามาแทรกอีกจึงยากที่จะยอมรับได้!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม