“ภูมิธรรม” นัดพรรคร่วมฯหารือก่อน 27 ก.ย. หาฉันทามติร่วมวงแก้รัฐธรรมนูญ ยัน พท.ไม่ได้ดันทุรังทำเพื่อตัวเอง การันตีไม่จุดชนวนก่อนิติสงคราม “ชูศักดิ์” ลุยรื้อกฎหมายพรรคการเมืองแก้เกมข้อหาครอบงำ ขีดวงยุบพรรค เฉพาะกรณีล้มล้างการปกครอง โอ่แก้ไขเพื่อให้เป็นธรรม ไม่ใช่เอื้อนายใหญ่ ขึงขังเขย่าอำนาจ ป.ป.ช.เล็งริบดาบสอบสวนเองส่งฟ้องเอง ขัดหลักคานอำนาจ พท.-ปชน.ส่งร่างแก้ รธน.รายมาตราเข้าสภาฯ “วันนอร์” รอถกวิป 3 ฝ่ายขยับวันประชุมร่วมรัฐสภา “ภราดร” เผย ภท.ไม่เสนอร่างแก้ไข รธน. เตือนแตะปมร้อนจริยธรรมอันตราย คิดให้รอบคอบ ควรทำประชามติถามประชาชน มอบ ส.ส.ร.แก้ไขเอง “ธนกร” หวั่นเปิดช่องคนไร้คุณธรรมเข้าสู่อำนาจ สังคม ตราหน้าดิ้นแก้เพื่อตัวเอง “เลขาธิการสภาฯ” เคลียร์ “ลุงป้อม” ส่งใบลาทุกครั้ง
พรรคเพื่อไทย (พท.) เร่งขับเคลื่อนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่จะทำควบคู่ไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลได้นัดหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนวันที่ 27 ก.ย. เพื่อหาฉันทามติร่วมกัน
“ภูมิธรรม” นัดพรรคร่วมฯ ถกแก้ รธน.
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 20 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลกล่าวถึง การหารือพรรคร่วมรัฐบาลกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ได้ให้ประสานกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อพูดคุยสัปดาห์หน้า ก่อนวันที่ 27 ก.ย. เพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือปัญหาบางส่วน ส่วนการหารือแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะหารือว่ามีประเด็นใดบ้างที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน จะเป็นฉันทามติ เมื่อถามย้ำว่าทุกพรรคเห็นตรงกันแก้มาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นที่เห็นพ้องต้องกันทั้งหมดจะเป็นเรื่องง่ายที่สุด ส่วนประเด็นที่เห็นแตกต่างต้องมาคุยกันให้จบ
...
สัปดาห์หน้าได้เห็นความชัดเจน
เมื่อถามว่าการแก้ไขอำนาจองค์กรอิสระที่มองว่ามีอำนาจล้นฟ้า พรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องหารือกับทุกคน เพราะเราเป็นรัฐบาลพรรคร่วมฯ การที่จะจัดการกับหน่วยงาน หรือแก้ไขปัญหาอะไรก็ตามควรหารือกันทั้งหมด ขอเวลาคุยในสัปดาห์หน้าจะชัดเจน เมื่อถามว่า ต้องคุยกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ สว. นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่พิเศษ คุยปกติ เมื่อถามว่า ต้องคุยกับ สว.โดยตรงหรือไม่ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ต้องมีความหวังและใช้ความพยายาม เราจะประสานกับวิป สว.ด้วย จะพยายามประสานทุกฝ่าย หากทุกคนเห็นพ้องต้องกันจะดีที่สุด ถ้าไม่เห็นพ้องต้องกันต้องดูที่เหตุผล
ยันไม่ทำเพื่อตัวเอง-ไม่ก่อนิติสงคราม
เมื่อถามว่ามั่นใจในชั้นการทำประชามติหรือไม่ เพราะแก้เพื่อประโยชน์นักการเมืองฝ่ายเดียว นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในทางปฏิบัติพิสูจน์ได้ชัดเจน เรื่องอะไรที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหา สิ่งสำคัญไม่ใช่แก้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบและให้เกิดความยุติธรรม ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองที่จะนำมาประหารกัน ไม่ต้องห่วงว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นนิติสงคราม เอาความตั้งใจ ปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง และดูข้อกฎหมายครบถ้วน โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจะทำควบคู่ไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ขณะนี้รอการแก้ไขร่าง พ.ร.บประชามติในที่ประชุมวุฒิสภาและรอให้มีผลบังคับใช้
พท.แก้เกมครอบงำ-ยุบพรรค
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ฝ่ายกฎหมายกล่าวถึง การเตรียมยื่นแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560ว่า จะยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภาฯ และพิจารณาในรัฐสภาแก้ไขในหลายเรื่อง เช่น การแก้ไขความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เพราะเดิมใช้คุณสมบัติของผู้สมัคร สส. ทำให้หลายคนไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคได้ สิทธิเสรีภาพในการเป็นสมาชิกพรรค ควรเปิดกว้างให้ทุกคน ขณะเดียวกันจะไปดูการแก้เรื่องยุบพรรค การครอบงำพรรคว่าจำกัดไว้อย่างไรให้เหมาะสม โดยการยุบพรรคเราจะเน้นไปเฉพาะการล้มล้างการปกครอง ส่วนเรื่องอื่นๆไม่ควรถูกยุบพรรค ส่วนการครอบงำจะปรับให้รัดกุมขึ้น ไม่ใช่อะไรๆถือว่าครอบงำหมด
แก้เพื่อให้เป็นธรรม ปัดเอื้อ “ทักษิณ”
เมื่อถามว่ากังวลข้อหาหรือไม่ว่าการแก้ไขกฎหมาย จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง นายชูศักดิ์กล่าวว่า ขอย้ำเราทำกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมพอสมควร พูดง่ายๆคนที่ถูกตัดสินให้รอลงอาญาท้ายที่สุดเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้ เป็นธรรมหรือไม่ ถ้ามาตั้งคำถามว่าแก้เพื่อตัวเองอย่างโน้นอย่างนี้ ตั้งได้หมด เมื่อถามว่า การแก้ไขนี้เพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาเป็นสมาชิกพรรคพท.ได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า “ไม่ได้เกี่ยวกับใครหรือหมายถึงใคร คิดว่าสิทธิเสรีภาพควรเปิดกว้าง เป็นสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ไม่ควรมีข้อจำกัดมากมาย เรื่องเหล่านี้เราเคยทำมาแล้วในอดีต เพียงแต่ สว.ขณะนั้นไม่เห็นด้วย สว.ชุดปัจจุบันจะเห็นด้วยหรือไม่ว่ากันในอนาคต
ขึงขังรื้อ ก.ม.เขย่าอำนาจ ป.ป.ช.
นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังยื่นแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) จะแก้ในบางประเด็น เช่น กรณีแรกมีความผิดบางประเภทที่ป.ป.ช.สั่งไม่มีมูลหรืออัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องคดีได้เอง เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย เคยยื่นมาแล้ว แต่ท้ายที่สุดมีข้อทักท้วงบางประการนำกลับมาแก้ ขณะนี้จะแก้ใหม่ พร้อมทั้งแก้เรื่องอื่นๆไปด้วย เช่น อำนาจฟ้องเองของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มองว่ากรณี ป.ป.ช.มีคำสั่งว่ามีมูลหรือฟ้อง แต่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ตั้งกรรมการร่วมกันแล้วบอกว่าไม่ฟ้อง แต่ท้ายที่สุด ป.ป.ช.ไปฟ้องเอง หากเป็นแบบนี้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่สอบสวนฟ้องร้องได้เองหมด ทำให้ขัดต่อหลักการคานอำนาจ อีกกรณีบางเรื่องเกิดขึ้นมานานแล้ว ควรมีกำหนดขอบเขตระยะเวลาในการไต่สวนว่าควรเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ จะมีระยะเวลาแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ไม่ใช่สอบไปเรื่อยๆ 10-20 ปี บางทีชี้มูลไปแล้วตอนเกษียณ เช่น อาจกำหนดไว้ 5 ปี จะแก้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองไปด้วย และแก้ไขในส่วนของ ป.ป.ช. คาดว่าสัปดาห์หน้าจะยื่นได้พร้อมกัน
พท.-ปชน.ยื่นร่างแก้ รธน.รายมาตรา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 19 ก.ย. พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ของพรรค พท. เข้ายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตราต่อเจ้าหน้าที่ส่วนงานสารบรรณ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ก่อนหน้านี้พรรคประชาชน (ปชน.) ได้ส่งคนมายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราไปแล้วเช่นเดียวกัน
“วันนอร์”รอหารือวิป 3 ฝ่าย ขยับเวลา
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาให้สัมภาษณ์ เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่พรรคพท.เสนอมาเมื่อวันที่ 19 ก.ย. แต่เมื่อได้รับแล้วฝ่ายกฎหมายกับกองงานประชุมจะเสนอเข้ามา เพื่อดำเนินการบรรจุระเบียบวาระ ขั้นตอนต่อไปจะเชิญประชุมผู้แทนรัฐบาลกับวิป 3 ฝ่าย เพื่อมาหารือนัดวันที่ชัดเจนในการพิจารณา เดิมที่บอกว่าจะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวภายในกลางเดือน ต.ค. แต่หากเสร็จเรียบร้อย อาจจะก่อนกลางเดือน ต.ค.ก็ได้ เพราะขณะนี้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของฝ่ายค้านยื่นมาหมดแล้ว ส่วนวันที่ 25 ก.ย.จะไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแล้ว และหากจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าวไม่ทัน เพราะต้องบรรจุระเบียบวาระก่อนล่วงหน้า 5 วัน
“ภราดร”ติงแตะปมร้อนระวังอันตราย
วันเดียวกัน นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลประสานงานเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราว่า รอกฎหมายประชามติผ่าน เป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามว่าพรรค พท.และพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอแก้รัฐธรรมนูญกรอบจริยธรรมของนักการเมืองและกรอบอำนาจองค์กรอิสระ ท่าทีของพรรค ภท.เป็นอย่างไร นายภราดรตอบว่า ในความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ละเอียดอ่อน มีคำถามว่าจริยธรรมเป็นไม้บรรทัดที่ต้องเข้มงวดกับนักการเมืองหรือไม่ ประชาชนมีมุมมองแบบไหน เป็นการแก้เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองหรือไม่
ภท.ไม่ชงแก้ไขเตือนคิดให้รอบคอบ
“เรื่องนี้นักการเมืองมองแทนประชาชนไม่ได้ คนพูดต้องเป็นประชาชน ดังนั้นต้องคิดให้รอบคอบ ต้องแก้เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยประชาชนเลือก ส.ส.ร.เขียนกติกา รวมถึงจริยธรรมด้วย จะเข้มงวดแค่ไหน ถึงขั้นระดับศาลรัฐธรรมนูญ ผู้พิพากษาเลยหรือไม่ ผู้มีส่วนได้เสียไปพูดสังคมไม่ฟัง เรื่องนี้คุยกับเพื่อน สส.บอกว่าอันตรายและละเอียดอ่อน ควรทำประชามติ เมื่อจะทำประชามติทั้งทีควรทั้งฉบับ (ยกเว้นหมวด1หมวด 2) ตั้ง ส.ส.ร.แก้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ดีกว่าแก้เฉพาะ 2 ประเด็น พรรค ภท.ถึงไม่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ”นายภราดรกล่าว
“ธนกร” หวั่นเปิดช่องคนไร้คุณธรรม
ที่ จ.ราชบุรี นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวปาฐกถาเรื่อง “บทบาทหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน” ตอนหนึ่งว่า กรณีที่พรรค พท.และพรรคปชน.กำลังเตรียมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เรื่องมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ของ สส.และรัฐมนตรี ฝ่ายค้านโดยพรรค ปชน.เห็นพ้องด้วย ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญปี 60 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและผ่านการทำประชามติของประชาชน หากจะแก้รายมาตราควรแก้ในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วน หรือแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนก่อนจะดีกว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) (5)มีเจตนารมณ์สำคัญป้องกันบุคคลที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต เข้ามามีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง หากมีการแก้ไขตรงนี้หรือทำให้เบาลงอาจเป็นการเปิดช่องให้บุคคลที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตโดยแท้เข้ามามีอำนาจได้
เตือนสังคมตราหน้าแก้เพื่อตัวเอง
นายธนกรกล่าวว่า กรอบของคำว่าจริยธรรมในรัฐธรรมนูญ ถือเป็นด่านพิสูจน์เพื่อใช้กลั่นกรองบุคคลที่จะก้าวเข้าสู่อำนาจว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมหรือไม่ เป็นการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น เชื่อว่า สส.รัฐมนตรีทุกคน ต่างหวังดีและตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว ประชาชนต้องการผู้บริหารประเทศที่มีมาตรฐาน คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต เข้ามาปกครองบ้านเมือง ขอฝากรัฐสภาให้มีการคิดทบทวนในประเด็นนี้ให้รอบคอบ เพราะถ้ารัฐสภา ทั้ง สส. และ สว.ร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องจริยธรรมดังกล่าว อาจถูกสังคมและประชาชนมองว่าเป็นการแก้เพื่อตัวเอง แก้เพื่อนักการเมืองเสียเอง และหากถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบอาจส่อไปในทางที่ขัดต่อกฎหมายได้ จึงควรคิดพิจารณาให้รอบคอบ
“ชาญชัย” ค้านลดทอนเกณฑ์จริยธรรม
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีพรรค พท.ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้านจริยธรรมนักการเมืองให้อ่อนลงและลดทอนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องจริยธรรมนักการเมืองสำคัญ นักการเมืองยิ่งต้องมีจริยธรรมมากกว่าชาวบ้านทั่วไป การจะแก้ไขเพื่อคนเคยถูกศาลสั่งจำคุก เคยมีคดีทุจริตคอร์รัปชัน เคยทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเสียหาย คนเหล่านี้ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว งานการเมืองเป็นงานอาสาต้องการคนดีๆมาทำงานเป็นต้นแบบให้คนรุ่นหลัง ควรกำจัดคนชั่วออกจากวงการเมือง ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนชั่วได้มีอำนาจทางการเมืองอีก รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ชัดเจนดีแล้ว
คุมเข้มยังทุจริตยับ 20 ปี 8 แสนล้าน
นายชาญชัยกล่าวอีกว่า “20 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองที่ชอบอ้างตัวว่ามาจากระบอบประชา ธิปไตย ได้รับการไว้วางใจจากประชาชน แต่สรุปพบว่ามีการทุจริตกว่าแสนล้านบาทต่อปี และเคยถวายฎีกาไปแล้ว 10 ปีเสียหายราว 4 แสนล้าน 20 ปี ราว 8 แสนล้าน นี่ขนาดเขียนชัดเรื่องจริยธรรม ยังทุจริตกันขนาดนี้ ถ้ามีการแก้ไขให้คนชั่วเข้ามามีอำนาจบริหารบ้านเมือง จะยิ่งทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายหนักยิ่งกว่านี้แน่ ซ้ำเป็นเงินภาษีประชาชน ไม่ใช่งานบริษัทที่จะมาทำการแก้ไขหนังสือบริคณห์ สนธิ นักการเมืองดีๆมีมาก ขอให้ออกร่วมคัดค้านเรื่องนี้ออกมาช่วยกัน”นายชาญชัยกล่าว
“อาพัทธ์” ชี้ “บิ๊กป้อม” ส่งใบลาทุกครั้ง
ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อสงสัยกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่เข้าประชุมสภาฯ ว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนด สส.จะลาประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของวันประชุมในสมัยประชุมที่มี 120 วัน ต้องคำนวณว่าประชุมสภาฯกี่ครั้งเพื่อไม่ให้เกิน 1 ใน 4 หากขาดเกินถือว่าขาดประชุม เรามีระเบียบการลงชื่อมาประชุมและการลาประชุม สส.จะทราบ มีแบบฟอร์มให้ยื่นลาประชุมได้ล่วงหน้าก่อนวันประชุม และหลังวันประชุมได้ภายใน 7 วัน ประธานสภาฯเป็นผู้พิจารณาอนุญาต ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ขณะนั้นเป็นผู้อนุญาต มีการรายงานประธานสภาฯให้ทราบว่า มีสมาชิกลาเท่าไหร่ หากได้รับอนุญาตจากประธานไม่ถือว่าขาดประชุมแม้จะเกิน 1 ใน 4 ก็ตามให้ยึดตามใบลา และถ้าขาดประชุม 1 ใน 4 โดยที่ประธานไม่ได้อนุญาตถือว่าขาดการประชุม มีผลต่อสมาชิกภาพของ สส.คนนั้น กรณี พล.อ.ประวิตรมีคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมพิจารณา สอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเรื่องนี้ทราบว่าพล.อ.ประวิตรยื่นใบลาทุกครั้งที่ไม่มาประชุม ให้เหตุผลว่ามีภารกิจในวันนั้นๆ นายพิเชษฐ์จะพิจารณาอนุญาต เพราะมีหลักฐานการลา
แจง ปชช.ขอข้อมูลตรวจสอบได้
เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังมี สส.คนใดมีปัญหา เรื่องวันลาประชุมอีกบ้าง เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า ยังไม่มี เพราะ สส.ส่วนมากจะยื่นลาก่อนประชุมและหลังประชุม สำหรับเอกสารการลาของ สส.พี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบได้เบื้องต้นว่าขาด ลากี่ครั้ง ขอได้ที่กลุ่มงานข้อมูลข่าวสาร เพราะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้ แต่จะไม่สามารถทราบเหตุผลการลาของ สส.ได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนั้นจะมีเว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่เข้าไปขอข้อมูลเกี่ยวกับการลาของสมาชิกได้อีกด้วย
ทนายป้อง “อิ๊งค์” ชี้ “เรืองไกร” แจ้งเท็จ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเดชา บัวปลี ทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.ขอให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ลีกิจ วัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.ที่ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ให้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีการโอนหุ้นก่อนเป็นนายกฯของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เข้าข่ายแจ้งความเท็จหรือไม่ โดยนายเดชากล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐมนตรีต้องไม่ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 หากประสงค์ถือหุ้นต่อให้แจ้งประธาน ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน เมื่อแจ้งแล้วจะมีเวลาโอนหุ้นได้อีก 90 วัน ดังนั้น วันสุดท้ายที่ น.ส.แพทองธาร จะโอนหุ้นได้คือวันที่ 18 ธ.ค. นายเรืองไกรมีความรู้ ทางกฎหมายน่าจะทราบดี หากพนักงานสอบสวนตรวจสอบพบนายเรืองไกรกระทำผิด มีหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย วันนี้ยังไม่แจ้งความเอาผิดนายเรืองไกร แต่ขอใช้สิทธิในฐานะประชาชนมายื่นเรื่องเพราะมองว่าการยื่นร้องเรียนต่างๆโดยไม่พิจารณาข้อกฎหมายให้ชัดเจน ทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้นำประเทศ ไม่ใช่ใครๆก็มาร้องกันได
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่