“พรรคประชาชน” เร่งเครื่องแก้รัฐธรรมนูญ จ่อยื่นร่างแก้ไขลบล้างผลพวงรัฐประหาร โละทิ้งประกาศคำสั่ง คสช.พร้อมยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี เอาด้วยรื้ออำนาจศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค พร้อมทบทวนอำนาจประเด็นมาตรฐานจริยธรรม “พท.” สั่ง สส.ร่วมเข้าชื่อชงประธานสภาฯ เดินหน้าแก้ไข รธน.รายมาตรา หั่น 3 กฎเหล็กคุมเข้มคุณสมบัติรัฐมนตรี กรณีเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงต้องเป็นคดีอยู่ในชั้นศาลฎีกา ศาล รธน.สอย สส.หรือ ครม.ต้องใช้มติเสียง 2 ใน 3 ของตุลาการฯทั้งหมดที่มีอยู่ “นายกฯอิ๊งค์” ถกลุยล้างยาเสพติดต้นตอฉุดเศรษฐกิจ สั่งขยายผลพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัดครอบคลุมไปทั่วประเทศ สภาฯย้ายป้าย พปชร.ไปนั่งโซนฝ่ายค้าน

จากกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) รับเป็นเจ้าภาพในการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขประเด็นมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยมีการพุ่งเป้าไปที่การลดทอนอำนาจขององค์กรอิสระที่มากเกินไป เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีทิศทางสอดคล้องกันทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน

ปชน.ชงรื้ออำนาจศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ก.ย.ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ของพรรค ปชน.ว่า เป็นการเดินคู่ขนาน เร่งรัดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งพรรค ปชน.ยื่นร่างแก้ไข ประเด็นการลบล้างผลพวงจากรัฐประหาร ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยกเลิกมาตรา 279 ที่เกี่ยวกับประกาศและคำสั่ง คสช. และเพิ่มหมวดการป้องกันรัฐประหาร คาดว่าพิจารณาวันที่ 25 ก.ย. ส่วนร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่กำลังดำเนินการ คือการแก้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ มี 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ทบทวนแก้ไขอำนาจการยุบพรรค ซึ่งต้องมีการยื่นร่างแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2.ทบทวนอำนาจเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรม อย่างไรก็ตาม ทุกพรรคที่ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะไปจบที่การพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมรัฐสภา

...

ย้ำหวั่นไม่มีรัฐธรรมนูญใช้ทัน เลือกตั้งครั้งหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ รัฐบาลยังมีจุดยืนไม่แก้หมวด 1-2 นายพริษฐ์กล่าวว่า จุดยืนของพรรค ปชน.ยังคงเหมือนเดิม เห็นต่างกับรัฐบาล แม้รัฐบาลมีจุดยืนไม่ต้องการแก้ไขหมวด 1-2 แต่คำถามประชามติควรเปิดกว้าง ไม่นำเงื่อนไขดังกล่าวมากำหนดไว้ในคำถาม หากรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยังคงยืนยันถามสองเรื่องในคำถามเดียวกัน กังวลจะเกิดความไม่ชัดเจนกับประชาชนที่เห็นด้วยในบางส่วนของคำถาม ทำให้ส่งผลไปถึงการลงประชามติ พรรค ปชน.ประเมินว่าโอกาสที่จะทำให้ประชามติผ่านความเห็นชอบลดน้อยลง กระบวนการทำฉบับใหม่อาศัยเวลา ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง และ 1 ปีที่ผ่านมายังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ทำให้เวลาถูกบีบและตัวแปรเยอะเกินกว่าจะฟันธงได้ ยอมรับกังวลใจมีความเสี่ยงหากรัฐบาลไม่วางแผนอย่างรอบคอบ อาจจะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ บังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้

พท.ล่าชื่อแก้ รธน.รายมาตรา

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่าในการประชุมสส.พรรค พท. เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ได้พูดคุยถึงการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เปิดให้ สส.พรรคร่วมลงชื่อเสนอต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาสัปดาห์หน้า จะทันนำเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 25 ก.ย.หรือไม่ ต้องพิจารณาอีกครั้ง เท่าที่หารือวิป 3 ฝ่ายถึงการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 25 ก.ย.เป็นไปได้จะเลื่อนการประชุมรัฐสภา

เล็งหั่น 3 เกณฑ์เข้มคุณสมบัติ รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม สส.พรรค พท. มีการพูดคุยกันประเด็นการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา อาทิ แก้ไขมาตรา 160 ว่าด้วยคุณสมบัติรัฐมนตรีขอแก้ 3 ประเด็นคือ 1.กรณีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ แก้ไขเป็น “ไม่มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ประจักษ์ว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต” 2.กรณีไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง แก้ไขเป็น “ต้องเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในศาลฎีกา” 3.กรณีไม่ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอลงโทษ เว้นแต่ทำผิดโดยประมาท ความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท แก้ไขเป็นให้นำกรณีดังกล่าวเป็นเหตุความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 แทน

ให้ศาล รธน.ใช้เสียง 2 ใน 3 ปลด สส.ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันจะยื่นแก้ไข มาตรา 211 ว่าด้วยมติศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคดีต่างๆที่กำหนดให้ถือเสียงข้างมาก แก้ไขเป็นกรณีเป็นคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ สส.-สว. หรือความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ของตุลาการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ รวมถึงแก้ไขมาตรา 235 ว่าด้วยอำนาจคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของ สส. ที่ต้องส่งให้ศาลฎีกาในประเด็นร่ำรวยผิดปกติ ที่กำหนดโทษให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่มีกำหนดเวลา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอีกไม่เกิน 10 ปี แก้ไขเป็นระยะเวลาการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 5 ปี แต่ไม่มีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

ลดอำนาจองค์กรอิสระไม่ทำประชามติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังเสนอแก้ไขมาตรา 255 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญให้เติมความเป็นวรรคสอง ให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำได้ และแก้ไขมาตรา 256 (8) การกำหนดรายละเอียดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่ต้องผ่านการออกเสียงประชามติ คือ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ และการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น โดยตัดเงื่อนไขการแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่ หรืออำนาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจนั้นออกไป

นายกฯลุยยาเสพติดต้นตอทุบ ศก.

เมื่อเวลา 13.35 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าร่วม โดย น.ส.แพทองธารกล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นพื้นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ ลงพื้นที่หลายจังหวัดได้รับเสียงสะท้อนตลอดว่าเป็นปัญหาหนักทำลายทั้งสุขภาพจิตและสร้างปัญหาครอบครัว ติดตามมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.ถึงวันที่ 30 ส.ค. 25 จังหวัดเข้มข้นที่เราโฟกัส ผลสำรวจความพึงพอใจจากประชาชนเพิ่มมากขึ้นชัดเจน

สั่งขยายผล 25 จังหวัดเป้าหมายไปทั่วประเทศ

จากนั้นนายกฯสั่งการให้ขยายผลจังหวัดกลุ่มเป้าหมายจาก 25 จังหวัดไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น จ.เชียงใหม่ สกลนคร ประจวบคีรีขันธ์ นราธิวาสและระยอง ให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดโดยเร็ว และอยากให้จัดทำข้อมูลการรักษาผู้เสพ เข้าใจว่าเป็นความลับ ไม่อยากให้มีประวัติไม่ดี เราไม่ตั้งใจเช่นนั้น แต่อยากให้มีข้อมูลไว้เพื่อไม่ทำงานซ้ำซ้อน อยากให้มีการศึกษาในเรือนจำ เพราะผู้ติดยาเสพติดเป็นผู้มีโอกาสได้รับการศึกษาน้อย จะมีวิธีช่วยอย่างไร อยากให้ช่วยกันคิดแนวทางขึ้นมาและอยากให้สื่อสารกับสังคม ไม่ใช่แค่แสดงผลงาน แต่ทำให้สังคมรู้ว่าเราจริงจัง เป็นภาพจบทั้งกระบวนการ เช่น จับแล้วกี่ราย ยาเสพติดจับมาไปอยู่ที่ไหน เผาทำลายกี่รอบ อย่างไร ให้หมดข้อสงสัย การยึดทรัพย์ต้องทำระเบียบชัดเจน และให้ยึดทรัพย์จริงจัง หากคืบหน้าอย่างไรแจ้งให้ตนรับทราบด้วย

“ทวี” ชี้ไม่ตั้งเป้ายึดทรัพย์กันถูกแกล้ง

ช่วงท้ายนายกฯให้ผู้ร่วมประชุมเสนอความคิดเห็น นายอุทัย สินมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า เดิม ป.ป.ส.กำหนดตัวชี้วัดไว้ว่าให้ยึดทรัพย์สินให้ได้ปีละ 1 แสนล้าน แต่รัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ได้กำหนดตรงนี้ไว้ ทำให้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ไม่ได้กำหนดเรื่องการยึดทรัพย์ แต่เป็นมาตรการที่เราพูดคุยกัน เพราะหากกำหนดการยึดทรัพย์ได้ปีละ 1 แสนล้าน จะทำให้ข้าราชการไปกลั่นแกล้งประชาชนได้ เพราะสุดท้ายต้องยอมรับว่าการยึดไม่ยึดทรัพย์อยู่ที่คำพิพากษาศาล เราไม่อยากเข้าไปก้าวล่วงอำนาจศาล

“พงศ์เทพ” แจงกุนซือช่วยขับเคลื่อนงาน

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกฯแต่งตั้งเป็น 1 ใน 5 คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯที่มีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นประธาน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการประชุมนัดแรก ต้องรอ จะมอบหมายรองเลขาธิการนายกฯฝ่ายบริหารคนใดมาทำหน้าที่เลขานุการคณะที่ปรึกษาฯ บทบาทหน้าที่หลักๆด้านนโยบาย รวมถึงเรื่องที่นายกฯมอบหมาย เพื่อช่วยพิจารณา คงไม่ใช่การประชุมเป็นครั้งคราว แต่ต้องนั่งทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลขับเคลื่อนไปได้

“ธงทอง” รับมาสานต่องานยุค “เศรษฐา”

ด้านนายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ ได้รับการประสานจาก นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ว่า ยังมีงานที่ทำค้างอยู่ในด้านต่างๆที่รับผิดชอบช่วงที่เป็นที่ปรึกษาของนายกฯสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ นพ.พรหมินทร์จึงอยากให้มาทำต่อ ทั้งนี้ การมาเป็นที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ดูเป็นแก่นสารมากขึ้น เฉพาะเจาะจงอะไรมากขึ้น ในคำสั่งเน้นการให้ความเห็นด้านนโยบาย ตอบคำถามต่างๆ ทั้ง 5 คนมีความสันทัดและประสบการณ์ที่หลากหลาย

ย้ายป้าย พปชร.ไปอยู่โซนฝ่ายค้าน

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม การประชุมในวันนี้ (18 ก.ย.) เจ้าหน้าที่สำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร นำป้ายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ไปวางอยู่ด้านหลังพรรคประชาชน ในโซนที่นั่งของพรรคฝ่ายค้านแล้ว จากเดิมก่อนหน้านี้ป้ายพรรคพลังประชารัฐจะอยู่ด้านหน้าบัลลังก์ ฝั่งพรรครัฐบาล โดยพื้นที่เดิมของพรรคพลังประชารัฐ เจ้าหน้าที่นำป้ายชื่อพรรคภูมิใจไทยขยับมาแทนที่

สส.ภูมิใจไทยโดนพักงานอีกราย

ต่อมานายพิเชษฐ์แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงคำสั่งศาลฎีกาว่า ประธานศาลฎีกามีหนังสือแจ้งคำสั่งศาลฎีกา กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายสุวรรณา กุมภิโร สส.บึงกาฬ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2567 มีผลให้นายสุวรรณาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่า มิได้กระทำความผิด ทำให้ปัจจุบันเหลือ สส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 492 คน ต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งคือ 246 เสียง

“เด็จพี่” ร้องสอบ “ลุงป้อม” หนีสภาฯ

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นหนังสือร้องถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส.หรือไม่ เพราะไม่ได้มาลงมติในการประชุมสภาฯประมาณ 13 ครั้งจาก 16 ครั้ง หรือร้อยละ 81.25 ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาฯกำหนด สส.ต้องอุทิศเวลามาประชุม ต้องไม่ขาดประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่เจ็บป่วยหรือมีเหตุสุดวิสัย ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (12) สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลงเมื่อขาดประชุมเกิน 1 ใน 4 ของจำนวนวันประชุม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากประธานสภาฯ

ท้าทำหน้าที่ สส.อย่าดีแต่ฟ้องปิดปาก

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.ยื่นฟ้องตนจากเหตุการณ์นำคลิปเสียงมาเผยแพร่ ไม่กังวลอะไร ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าคลิปเสียงเป็นของจริง ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ความจริงอีกครึ่งหนึ่งคือการที่รองนายกฯ น่าจะไปแทรกแซง น่าจะไปของบฯ ไม่ได้ เพราะอำนาจเป็นของเจ้ากระทรวง พล.อ.ประวิตร ควรหาข่าวบุคคลที่อัดคลิปเสียง ต้องพิสูจน์ความสามารถนายไพบูลย์ สมกับที่เป็นเลขาธิการพรรคหรือไม่ ขอให้ทำความจริงให้ปรากฏว่าคลิปจริงหรือปลอม พล.อ.ประวิตร นายไพบูลย์ คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. ควรแถลงเป็นทางการว่า คลิปที่หลุดมาเป็นความจริงหรือไม่ อย่าเพิ่งไปฟ้องคนอื่นหรือสื่อมวลชน สังคมจะหาว่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวหรือปิดปาก และอยากให้ พล.อ.ประวิตรเข้าสภาฯเพื่ออภิปรายเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือยื่นกระทู้ถามนายกฯ วันนี้เป็นพรรคฝ่ายค้านอันดับ 2 ในสภาฯขอให้มาทำหน้าที่ด้วย

“สามารถ” โต้กลับลิเกหลงโรง

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวตอบโต้นายพร้อมพงศ์ว่า พล.อ.ประวิตรเป็น สส.เหมือนอีก 500 คน ใช้สิทธิตามข้อบังคับไม่มีอะไรที่ผิด ถ้าขาดเกิน 3 ครั้งโดยไม่ลาหลุดจาก สส. กระบวนการตรวจสอบมีอยู่แล้ว ข้อบังคับการประชุมสภาฯใช้กับ สส.ทุกคน ไม่ได้เลือกบังคับใช้กับบุคคลใด ที่นี่คือสภาฯ ไม่ใช่โรงลิเก ลิเกเล่นกลางคืน ไม่ใช่กลางวัน กรณีคลิปเสียงเลขาธิการพรรค พปชร.ไปแจ้งความแล้ว มาร้องเรียนแบบนี้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ต้องตรวจสอบทุกคนไม่ควรเลือกปฏิบัติ เห็นไป ป.ป.ช.ไม่ตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร เรื่องคลิปชั้น 14 สภาฯมีรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 ให้ สส.เข้าชื่อตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯได้ พรรค พท.มี สส. 140 คน ทำไมไม่เข้าชื่อตรวจสอบนายกฯที่ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่าถือครองที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ น่าจะขาดจริยธรรม สส.พรรค พปชร.พร้อมสนับสนุน

“อ้วน” ติงอย่าวิจารณ์ปม “พิศาล”

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ภายหลังเป็นประธานในพิธีปิดการ ศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 66 ถึงแนวทางของพรรค พท.ในการส่งตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.จำเลยคดีตากใบให้ศาลว่า เรื่องใดที่เป็นคดีความเราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าใครต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่า มีการมองว่า พล.อ.พิศาล เป็นเตรียมทหารรุ่นพี่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะทำให้กระบวนการยุติธรรมสะดุดหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ในรายละเอียดเราไม่สมควรไปวิพากษ์วิจารณ์ถ้าไม่ทราบเรื่องจริง อาจมีผลต่อสังคมทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียหาย ควรให้โอกาสเจ้าตัวเป็นผู้ชี้แจง อะไรก็ตามไม่ควรมุ่งไปที่อดีตมากเกินไป อดีตเป็นบทเรียนถ้ามันผิดพลาดต้องทำไม่ให้มันผิดพลาดอีก เชื่อว่าทุกคนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดโศกนาฏกรรมหรือปัญหา ทุกคนตั้งใจทำตามหน้าที่แต่เวลาชุลมุนอาจเกิดอะไรที่เกินเลย หนักไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ว่ากันไปตามกฎหมาย

โผทหารปิดฉากสัปดาห์นี้

นายภูมิธรรมกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำโผทหารว่า อยู่ในกระบวนการและจบลงด้วยดีทุกอย่าง คาดว่าสิ้นสัปดาห์นี้น่าจะเสร็จ ยืนยันได้ว่าเป็นการตัดสินใจของผู้นำเหล่าทัพและเป็นความเหมาะสมที่ดีที่สุด เมื่อถามว่า ได้เซ็นโผทหารส่งให้นายกฯแล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ในฐานะรมว.กลาโหมต้องเซ็นชื่อ ส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก่อนจะเสนอนายกฯ เชื่อว่าทุกฝ่ายสบายใจ ทหารมีหน้าที่ทำตามสิ่งที่พิจารณา ส่วนความคืบหน้าการแต่งตั้งเลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และ ผบ.ตร. ช่วงเดือน ก.ย.เป็นเรื่องปกติที่มีการโยกย้ายข้าราชการที่ต้องเกษียณไป ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งให้โอกาสทุกส่วนเสมอภาคกัน เมื่อถามว่า มีตั๋วจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีหรอก

ดึงแบงก์รับผิดชอบเหยื่อแก๊งคอลฯ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เรียกร้องผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยให้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น ให้ธนาคารพาณิชย์ ควรรับผิดชอบค่าเสียหายร่วมกับเหยื่อ ควรมีระบบหน่วงเงินไม่ให้โอนเงินรวดเร็ว เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาแล้วที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือ AOC 1441 กระทรวงดีอี ทำงานกับ ธปท.มาตลอด การจะให้ธนาคารพาณิชย์มาร่วมรับผิดชอบกับเจ้าของบัญชีเงินฝาก กำลังดำเนินการอยู่ และศูนย์ AOC จะประชุมสัปดาห์นี้ จะออกแบบให้เหมาะสม

20 ก.ย. เคาะค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อพิจารณาขึ้นค่าจ้าง 400 บาททั่วประเทศ ครั้งที่ 2 วันที่ 20 ก.ย. หลังฝ่ายนายจ้าง 5 เสียง จาก 15 เสียง ไม่ได้เข้าร่วมครั้งที่ผ่านมา อ้างติดภารกิจว่า ทำจดหมายเชิญแล้ว อยู่ที่ตัวแทนฝ่ายนายจ้างเข้าร่วมประชุมหรือไม่ หวังอย่างยิ่งว่าจะเข้าหารือหาทางออกที่ดีที่สุด เมื่อถามว่าฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุม จะพิจารณาประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาทวันที่ 1 ต.ค.ใช่หรือไม่ นายพิพัฒน์ตอบว่า หากฝ่ายลูกจ้างและฝ่ายราชการเข้าประชุม ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์โหวต 2 ใน 3 ได้ เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่วันที่ 1 ต.ค. ได้ค่าแรง 400 บาท นายพิพัฒน์ตอบว่า ยืนยันชัดเจน ยอมรับกระทบต่อนายจ้างพอสมควร มีมาตรการเยียวยา โดยประกาศพร้อมกันวันที่ 1 ต.ค. เมื่อถามว่ากังวลนายจ้างร้องเรียนกรณีนี้หรือไม่ นายพิพัฒน์ตอบว่า หากฟ้องร้องหรือไปร้องต่อศาลปกครอง พร้อมน้อมรับ ไม่หนักใจ

“รักชนก” แฉ จนท.รีดส่วยคนเมียนมา

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) ขอหารือก่อนเข้าสู่วาระประชุมว่า ในเขตบางบอน มีตลาดเมียนมาบางบอน มีทั้งคนไทยและเมียนมาตั้งแผงขายของ มีแรงงานเมียนมามาใช้บริการจำนวนมาก เรียกลูกค้าเป็นภาษาเมียนมาทั้งตลาด ป้ายโฆษณาเป็นภาษาเมียนมาทั้งหมด ทราบว่ามีแรงงานเมียนมาเป็นเจ้าของแผงด้วย ทั้งที่เป็นอาชีพต้องห้ามของต่างด้าว พอไปถามแม่ค้าที่ขายของในตลาดไม่มีใครกล้าตอบกลัวจะเดือดร้อน และยังพบป้ายห้ามถ่ายรูปต้องขออนุญาตก่อน ได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแล้วแต่แทนที่จะบังคับใช้กฎหมาย กลับมารีดไถเก็บส่วยคนเมียนมา ไถทอง แหวน ตุ้มหู สร้อยจากคนเมียนมา ถ้าไม่ถอดให้จะเดือดร้อน ข่มขู่สารพัด การกระทำที่อุกอาจนี้เป็นจุดตรวจสอบสน.บางขุนเทียน ขอให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายจัดเก็บภาษีให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้คุ้มกับการมาใช้ทรัพยากรบ้านเรา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่