ก็ได้ข้อสรุปเสียที “โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” เพื่อสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ในที่สุดก็กลายเป็นเพียง “สายลมที่พัดผ่าน” การประชุม ครม.นัดแรกของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันอังคารมีมติเห็นชอบโครงการแจกเงิน 10,000 บาทในรูปแบบใหม่ชื่อว่า “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567” เพื่อแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับคนพิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.55 ล้านคน

คนที่ลงชื่อผ่าน “แอปทางรัฐ” จนถึง 15 ก.ย. 36 ล้านคนยังไม่รู้อนาคต เพราะการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 ที่รัฐบาลเคยแถลงไปก่อนหน้านี้ ใน ครม.ไม่มีการพูดถึง

คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ใหม่ถอดด้าม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ว่า ครม.ได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567” โดยจ่ายให้ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 12.41 ล้านราย และ คนพิการจำนวนไม่เกิน 2.15 ล้านราย เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทต่อคน จะเริ่มทยอยจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.เป็นต้นไป โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เห็นชอบในหลักการ และเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ รายละเอียดกระทรวงการคลังจะแถลงต่อไป

ในที่สุด พรรคเพื่อไทย ก็ต้องทำตาม “คำแนะนำ” ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่แนะนำให้แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ถ้าเชื่อตั้งแต่แรกก็ได้แจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาล่าช้ามาเป็นปี เพราะ “ความไม่รู้” และ “ความดื้อรั้น” ของนายกฯคนเก่า ที่ไม่มีประสบการณ์ แถมยังเปิดศึกทะเลาะกับแบงก์ชาติอีกด้วย วันนี้รัฐบาลแพทองธารทำตรงข้ามรัฐบาลเศรษฐา ล้มเลิก “โครงการแจกเงินดิจิทัล” เปลี่ยนเป็น “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567” และขอความเห็นชอบ แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ และสำนักงานกฤษฎีกา

...

คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง ได้แถลงเพิ่มเติมว่า ครม.เห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการฯ เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ เพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วภายใต้ “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ” รัฐบาลจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน ให้กลุ่มเป้าหมาย 14.55 ล้านคน ผ่าน “บัญชีพร้อมเพย์” ที่ผูกกับบัตรประชาชน เพื่อนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต โดยไม่จำกัดประเภทร้านค้า เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพ คาดว่าเม็ดเงิน 145,552.40 ล้านบาท ที่ลงสู่ระบบเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.35% ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีโครงการ

การตรวจสอบสิทธิรับเงินในโครงการ สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ 24 ก.ย. เป็นต้นไป ผ่าน เว็บไซต์โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567.cgd.go.th เว็บไซต์ govwelfare.cdg.go.th เว็บไซต์ govwelfare.dep.go.th/check (คนพิการ) แอป “รัฐจ่าย” (กรมบัญชีกลาง) แต่ไม่มี แอป “ทางรัฐ” และ digital wallet แต่อย่างใด คนจนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และ 36 ล้านคนที่ลงทะเบียนรับเงินผ่าน “แอปทางรัฐ” คงต้องกินแห้ว เพราะ “เฟส 2” ยังไร้วี่แววว่าจะแจกหรือไม่ เพราะ “โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต” ได้ “ตายเงียบ” ไปจากรัฐบาลใหม่แล้ว

เงินสด 1.45 แสนล้านบาท ที่จะแจกภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ น่าจะทำให้มีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่ง คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง คาดว่าจะเพิ่มจีดีพีได้ 0.35% เมื่อบวกกับจีดีพีคาดการณ์ของสภาพัฒน์ 2.5% ในปีนี้ จีดีพี 67 น่าจะขยายตัวได้ราว 2.85% แต่ก็ไม่ถึง 3% อยู่ดี แต่ “หนี้รัฐบาล” จะเพิ่มขึ้นอีกกี่เปอร์เซ็นต์ไม่อยากคิด.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม