ตำนาน “สหายใหญ่” ไม่ได้เข้าป่าหาหน่อไม้ ในอารมณ์เข้มขรึมตั้งแต่ย่างก้าวแรกเข้า “เขตทหาร” ฟอร์มเข้มขลังของ “บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ตรวจแถวสวนสนามในพิธีต้อนรับรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ
สำแดงเดช “คชสีห์ 1” กันทันที ให้รู้ไม่ใช่แค่ “ปืนใหญ่” โบราณตั้งโชว์
โดยจังหวะยื้อโผโยกย้ายเหล่าทัพ ชักกลับมาเขย่าติ้วกันใหม่ ยังไม่ปล่อยไฟเขียว บัญชีที่ “บิ๊กทิน” นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม ปิดกล่องไว้ ร่วมกับที่ประชุมบอร์ดกองทัพ
โดยเฉพาะเก้าอี้ ผบ.ทร.คนใหม่ ที่ “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนปัจจุบัน วางไลน์จัดแถวไว้ และนั่นก็น่าจะหมายรวมถึงโผโยกย้าย “จ่าฝูง” กองทัพบกไลน์ 5 เสือ ทบ.ที่เคาะกันไปแล้ว แนวโน้มก็ยังไม่มีหลักประกันความชัวร์
ติดเหลี่ยมกั๊ก “บิ๊กอ้วน-สหายใหญ่” ไม่กลัวแตะของร้อน
อีกจุดที่สะท้อนการวางหมากซ้อนอำนาจแบบโจ่งแจ้งก็คือการแต่งตั้ง พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ “นายใหญ่” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั่งขนาบข้างในตำแหน่งเลขานุการ รมว.กลาโหม
สัญญาณชัดจาก “จันทร์ส่องหล้า” ขยับเข้าเขตทหารเต็มตัว
ยกระดับการ “สั่งแถว” ท็อปบูต กระชับอำนาจบริหารจัดการกองทัพ ไม่เหมือนช็อตที่ส่ง “บิ๊กทิน” มาร้องหมอลำเถิดเทิงให้เชิดกันง่ายๆ นั่นหมายถึงรัฐบาลเพื่อไทย หัวขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ภายใต้การนำทัพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนสุดท้องตระกูลชินฯ ไม่หวั่นประวัติศาสตร์หลอน
...
ไม่แหยงซ้ำรอย “ระบอบทักษิณ” ที่เป็น “ของแสลง” กับท็อปบูต
มั่นใจใน “ภูมิคุ้มกัน” อยู่ในระดับป้องกัน “โรคแทรกซ้อน” ได้
และไม่ใช่แค่ “เขตทหาร” เท่านั้น โดยจังหวะสถานการณ์ “ย่างสามขุม” ลูกข่าย “จันทร์ส่องหล้า” ยังส่งสัญญาณรุกคืบเข้าเขตหวงห้าม “วังบางขุนพรหม”
ตั้งท่ารวบหัวรวบหาง “แบงก์ชาติ” จัดการธนาคารแห่งประเทศไทย
ในลีลาห้าวเป้งแบบที่นักบู๊ขาประจำอย่าง “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พาณิชย์ โชว์พลังรัฐมนตรีป้ายแดง ตั้งท่าชวนทะเลาะ ท้ารบ “ดร.นก” นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.
จ่อนัดพบตัวแบบตัวต่อตัว ถามออกอากาศดังๆ เรียนจบมาจากไหน
สรุปเองเลยว่า “ดร.นก” พูดเหมือนคนไม่รู้เรื่อง เป็นความคิดที่ผิดปกติ ที่ไม่เน้นการปั่นตัวเลขจีดีพี มุ่งรักษาเงินบาทให้แข็งค่า ขัดขวางนโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข อยู่ดีกินดี
ไล่บี้ ไล่อัด เบอร์หนึ่ง "วังบางขุนพรหม" ฐานขวางทางโคตรประชานิยม ปฏิบัตินำร่อง “โจทก์ตัวตึง” ของผู้ว่าการแบงก์ชาติ อย่าง “เสี่ยโต้ง” นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง ถือหอกดาบ จ่อนั่งแท่นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
ถืออำนาจประธานบอร์ด “แบงก์ชาติ” ข่ม “ดร.นก”
ยกระดับเกมหักดิบ สัญญาณลุยแตกหักระหว่างรัฐบาลเพื่อไทยกับทีม “วังบางขุนพรหม” เดิมพันขุมทรัพย์ปู่โสมฯ เงินทุนสำรองของประเทศ
อารมณ์ทีม “นายใหญ่” บุกแหลก รุกหนัก ไม่สนเขตทหาร แดนหวงห้าม
เหมือนย่ามใจในสถานะหัวขบวนอำนาจอนุรักษ์นิยม แต่จังหวะหักมุม สวนทางกันเลยกับกระแสสังคม ตามตัวเลขล่าสุด “นิด้าโพล” สำนักมาตรฐาน สำรวจกันตามหลักวิชาการ
“ไม่ใช่โพลรับจ้างอวย” ตัวเลขเชิงสถิติที่เชื่อถือได้ชัวร์ๆ
ประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 35 ไม่เชื่อมั่นต่อ “รัฐบาลแพทองธาร” ในการแก้ปัญหาของประเทศ
ตามสภาพผู้นำหญิงคนสุดท้องตระกูลชินฯต้องเจอกับมหันตภัยน้ำท่วมรับน้องแต่หัววัน โจทย์ฉุกเฉินทดสอบกึ๋นบริหารจัดการ ขณะเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ก็ต้องลุยไปแบบ “เสียหน้า” ไม่ได้ ดีเดย์ 25 กันยายนนี้ต้องโอนเงินให้กลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน เพื่อลดโทนเสียงด่าเสียงทวงรายวัน
แต่นั่นก็ไม่วายโดนโห่ฮาจากพวกจ้องลุ้นลอตสอง แหงนคอรอแบบไร้ความหวัง
ล้วนแต่ปัจจัยเสี่ยงทำ “ภูมิคุ้มกัน” ตก “โรคแทรก” กำเริบได้ทุกขณะ.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม