แม้จะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่เหมือนกัน แต่อาจจะมองโลกและมองการเมืองต่างกันได้ ตัวอย่างเช่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรี กับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา ค่อนข้างจะมองการเมืองต่างมุมในการอภิปรายที่ผ่านมา
“อิ๊งค์” เปิดอภิปรายนโยบายรัฐบาลด้วยการพูดถึงความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งปัญหาหนี้สิน รายได้ ค่าครองชีพ ความปลอดภัยในสังคม ปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาล จึงต้องเร่งสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจด้วยการแก้หนี้ การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วย 10 นโยบายเร่งด่วน
10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจ 7 เรื่อง ปัญหาสังคม 3 เรื่อง เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ทุกระบบ การแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบเด็ดขาด ซึ่งอาจทำให้คนรุ่นก่อนสะดุ้ง นึกถึงการประกาศสงครามปราบยาเสพติด ของรัฐบาลทักษิณ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน รัฐบาลอ้างว่าเป็นการ “ฆ่าตัดตอน” กันเองของผู้ค้ายา
ส่วนผู้นำฝ่ายค้านเปิดฉากด้วยการพูดถึงวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันอภิปราย เป็นวันครบ 1 ปีของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่อยู่ไม่ถึงปีถูกถอดถอนทำให้เป็น 1 ปีที่เสียเปล่า เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้ยึดหลักนิติรัฐ คือ การปกครอง ด้วยกฎหมาย พรรคก้าวไกลถูกยุบ และ นายกฯพรรคเพื่อไทยก็ถูกถอดถอน
นายณัฐพงษ์ขอร้องให้นายก รัฐมนตรีเลิกอ่านตามสคริปต์ และลุกขึ้นมาประกาศว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศนี้ ที่สามารถทำเป็นเส้น ขนาน 2 เส้นทาง เส้นทางแรกแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ตามที่คณะกรรมการจัดทำกันมา อีกเส้นทางหนึ่งทำได้ทันที คือ การแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งพรรค ปชน. เสนอสภา
...
มาตราสำคัญที่พรรค ปชน. เสนอแก้ไข ได้แก่ มาตรฐานทางจริยธรรม จัดวางตำแหน่งองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ และแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม เพื่อไม่ให้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถูกทุบทำลายด้วยกลไกทางจริยธรรม และอาจปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ เช่น การกระจายอำนาจไปสู่ประชาชน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้การแก้ปัญหาน้ำท่วม “แม่สายสะอื้น” ล่าช้าและสับสน นอกจากนายกรัฐมนตรี ไม่กล้าสั่งการ เพราะกลัวผิดกฎหมายแล้ว ระบบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจ ไว้ที่ส่วนกลาง ไม่ยอมกระจายอำนาจ ไม่กระจายงบประมาณให้ส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต้องรอส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม