ด่านเหนือสุดแดนสยาม โดนกองทัพน้ำตีแตกกระเจิง หนักสุดในรอบ 80 ปี ตามฉากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่โดนมหันตภัยน้ำป่าจากเทือกเขาแนวชายแดนไทย-พม่า ไหลบ่าท่วมเมือง กวาดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพินาศในชั่วพริบตา ประชาชนหนีไม่ทัน ต้องปีนหนีน้ำไปอยู่บนหลังคา บ้าน อาศัยดาดฟ้าตึก

สภาพทรัพย์สินเสียหาย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อดน้ำ อดอาหาร ติดเกาะกันข้ามคืนข้ามวัน โดยการช่วยเหลือไม่สามารถฝ่าน้ำเชี่ยวกรากเข้าไปได้

ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ขนย้ายผู้ประสบภัย หย่อนอาหารให้ประทังชีวิต

ในสถานการณ์หนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน ปรากฏการณ์แม่น้ำกกเอ่อล้นทะลักท่วมเขตเทศบาลเมืองเชียงราย บ้านเรือน ร้านค้าพาณิชย์ โรงแรมหรู โรงเรียน สถานที่ราชการ จมบาดาล รถยนต์จมน้ำเสียหาย ถนนสายหลักจมน้ำสูงกว่า 1 เมตร ท่วมคอสะพาน รถใหญ่ยังผ่านไม่ได้ ตัดขาดการคมนาคมเกือบทุกเส้นทาง

สนามบินแม่ฟ้าหลวงต้องประกาศงดเที่ยวบินทุกไฟลท์

“เชียงรายรำลึก” กลายเป็นโหมด “เชียงรายระทึก” ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่นึกไม่ฝันจะได้เห็นภาพมหาอุทกภัย ไม่คิดว่า “โลกเดือด” จะมาถึงไว ตั้งตัวกันไม่ทัน

หนีน้ำกันจ้าละหวั่น สภาพวินาศสันตะโร

และฮีโร่ตัวจริงเจ้าประจำก็คือหน่วยกู้ภัย อาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่นาทีแรกๆ ลงแรง ควักปัจจัย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในพื้นที่อันตราย

ที่ขาดไม่ได้และเป็นหลักในการช่วยประชาชนก็คือ หน่วยทหาร 3 เหล่าทัพ ต่างระดมสรรพกำลังเข้าพื้นที่เต็มอัตราศึก ทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์

สะท้อนให้เห็นในมุมที่ “มีทหารไว้ทำอะไร”

กองทัพ อาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิ เอกชน รัฐวิสาหกิจ กลายเป็นกองทัพหน้าในการเผชิญภัยพิบัติ ชดเชยหน่วยราชการที่ติดระบบขั้นตอนไม่ทันท่วงที

...

โดยเฉพาะในจังหวะที่รัฐบาลผู้นำมือใหม่เพิ่งตั้งไข่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครม.ป้ายแดง ยังไม่ผ่าน “พิธีกรรม” ตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลยังไม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่สามารถบริหารงาน ยังไม่มีอำนาจสั่งการข้าราชการได้

ได้แต่มองชาวบ้านผจญน้ำป่า ผวาติดเงี่ยงกฎหมาย “ตายน้ำตื้น”

ท่ามกลางเสียงถามหาฝ่ายบริหารหายไปไหน ทำให้ทีมผู้นำรัฐบาลเพื่อไทยต้องรีบเทกแอ็กชันโชว์ แสดงอาการตื่นตัว ระดมตั้งวงกู้อุทกภัยเชียงรายกันตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการแถลงนโยบายในสภา น.ส.แพทองธารนั่งหัวโต๊ะประชุมสั่งการรัฐมนตรี บิ๊กข้าราชการ ฝ่ายเกี่ยวข้อง สั่งการช่วยผู้ประสบภัย

ลัดคิวด่วน นายกฯบินลงพื้นที่ทันทีที่จบคิวแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

อารมณ์แค่โพสต์รูปในโซเชียลฯยังโดนถล่มไม่รู้เวลํ่าเวลาชาวบ้านกำลังเดือดร้อน “นายกฯอิ๊งค์” เจอ โจทย์สถานการณ์หนักๆรับน้องกันแต่หัววัน มหันตภัยน้ำป่าถล่มเมืองเชียงราย ทดสอบปฏิกิริยาเชิงบริหาร

เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณ สถานการณ์ภัยพิบัติกระตุกความจำเป็นที่รัฐบาลต้องสำรอง “งบฉุกเฉิน” ไว้รับมือวิกฤติอากาศสุดขั้ว

เตรียมตัวตั้งรับมหันตภัย “โลกเดือด” ไว้ได้เลย ได้ใช้แน่

“งบไม่ฉุกเฉิน” เบียดขึ้นมาอยู่ในลำดับแรก ตามสภาพความจำเป็นเห็นชัดๆ หักมุมกับ “งบไม่ฉุกเฉิน” ที่ยังไม่เห็นความชัดเจน โครงการแจกเงินหมื่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง เพิ่งยืนยันพร้อมอัด 1.4 แสนล้าน แจก “กลุ่มเปราะบาง” 14.2 ล้านคน ภายในเดือนกันยายนนี้

ที่เหลือยังต้องแหงนคอรอลุ้นคิวเทกระจาดรอบต่อไป

ในสภาพยึกๆยักๆ กึกๆ กักๆ แบบที่ “ดร.ไหม” น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ กัปตันทีมเศรษฐกิจพรรคประชาชน เบิ้ลบลัฟดักทางเรือธงเพื่อไทย

เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ เหมือนเมาหมัดทำๆไปก่อน สุดท้ายเครดิตความเชื่อมั่นรัฐบาลจะไม่เหลือ

พายุหมุนเศรษฐกิจที่คาดหวัง จะกลายเป็นแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ

ทีมผู้นำหญิงเถียงไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะถึงจุดที่ต้องยอมรับกันโดยสภาพ “เงินหมื่นวอลเล็ต” ไม่ตรงปก แก้แล้วแก้อีกจนแทบไม่เหลือเค้าที่หาเสียง แต่จำเป็นต้องลุยไฟ ไฟต์บังคับแก้เหลี่ยมการเมืองเฉพาะหน้า แต่ระยะยาวยังไม่ชัวร์ว่าจะกระตุ้นวิกฤติเศรษฐกิจได้หรือไม่

และมันจะเป็น “เดิมพันหมดหน้าตัก” ของผู้นำรัฐบาลเพื่อไทย

ในสภาพที่ลมฟ้าอากาศยังแปรปรวน ภูมิคุ้มกันขึ้นๆ ลงๆ ตามดีลอำนาจที่เกาะเกี่ยวด้วยผลประโยชน์บางๆ ภายใต้คลื่นลมการเมืองกำลังกระเพื่อมแรง แฝงเหลี่ยมเกมชิงกระดานอำนาจ

“กระแสจริยธรรม” เชี่ยวกรากไม่แพ้กระแสน้ำป่าไหลหลาก

วัดจากปมเสี่ยง “นายกฯคนสุดท้องตระกูลชิน” โดนปักชนัก ยังไม่ทันได้นั่งทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก็เจอไปร้องเรียนคุณสมบัติและจริยธรรมไป 6 กรรม ตามข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรารวบรวม

1.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการเป็นกรรมการบริษัท 20 แห่งของ น.ส.แพทองธาร ที่ยื่นลาออกในห้วงเวลาคาบเกี่ยวกับการถูกเสนอให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

2.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นร้องให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องจริยธรรม น.ส.แพทองธาร ยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน บิดามาครอบงำตำแหน่งนายกฯหรือไม่

3.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นให้ กกต.ตรวจสอบกรณีเสนอชื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.กลาโหม เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากนายภูมิธรรม หรือ “สหายใหญ่” เคยร่วมกระทำการในลักษณะที่อาจเข้าข่ายเป็นการล้มล้างหรือปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ

4.นายเรืองไกรยื่นคำร้องขอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ กรณี น.ส.แพทองธารชักชวนรัฐมนตรีทำ “มินิฮาร์ต” ขณะกำลังสวมชุดปกติขาวถ่ายรูปหมู่ ครม. เข้าข่ายผิดจริยธรรมหรือไม่

5.คณะนิติชน-เชิดชูธรรม ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอ กกต.เพื่อออกคำสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และขอให้ กกต.ใช้อำนาจยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากอาจมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

6.คณะนิติชน-เชิดชูธรรม ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงหรือไม่ จากการแต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็น รมว.ยุติธรรม สืบเนื่องกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลบนตึกชั้น 14 ดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลตำรวจเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม

ลำพัง “นายกฯ 2 พ่อลูก” ก็นับปมร้องเรียนกันไม่ทัน

ไม่นับ 11 รัฐมนตรี ที่ไม่ผ่าน “เครื่องสแกนจริยธรรม” สัญญาณเตือนตี๊ดๆเหมือนพกระเบิดไปนั่งข้างนายกฯ พร้อมตูมตามได้ทุกขณะ

จุดบอดสถานะ “ครม.ญาติกา” ผ่องถ่ายอำนาจกันในตระกูล

และก็จับทิศทางได้ไม่ยาก วิถีการล็อกเป้าถล่มมาจาก “คนในป่าฯ” นอกจาก “มือสอยอันดับหนึ่งของโลก” อย่าง “เรืองไกร” ยังตอกย้ำด้วยการตั้งนักร้องตัวพ่ออย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่าย พปชร.จัดเต็มเกมกฎหมาย

นั่นจึงเป็นที่มาของ “ห่ากระสุน” ถล่มกลับแบบหูดับตับไหม้

ปรากฏการณ์แฉคลิปลับ เสียงคลับคล้าย “ลุงในป่าฯ” หลายเวอร์ชัน ทั้งขอขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งสักครั้งในชีวิต ไล่บี้ “ไอ้โอ๋” ลูกพรรคอมเงิน สั่งการฝากเด็กในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการมหาดไทย รวมไปถึงการบัญชาเกม “นักร้องระดับชาติ”

ทีม พปชร.โบ้ยเป็นเอไอ แต่สังคมฟังแล้วฟันธงมี “หนอนบ่อนไส้”

ฝีมือ “ก๊วนกบฏ” สำแดงฤทธิ์ทรยศ “นายพล” โชว์ภักดี “นายใหญ่”

ในอาการแสบๆแบบที่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าก๊วนกบฏ พปชร.พูดแค่ว่า เคย

เตือนแล้วให้ระวังโดนดักฟัง แล้วก็เป็น “เด็จพี่” นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่รับงานเคลียร์บิล ลุยยื่น ป.ป.ช.ลุยสอบ “คลิปเสียงคล้ายลุงป้อม”

ย้อนศร กระแทกต่อมจริยธรรมกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน

เปิดเกมท้าล้มเดิมพัน ยกระดับศึก “นิติสงคราม” เต็มรูปแบบ แฝงเกมสางแค้นเอาคืนไม่ลดละ หน่วงรัฐบาลผู้นำคนสุดท้องตระกูลชินให้ต้องระแวง แทบไม่มีสมาธิในการบริหาร

เกร็งกับการสะดุดเงี่ยงจริยธรรม ไม่รู้จะพลาดสะดุดตอนไหน.


"ทีมการเมือง"

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม