ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ เริ่มต้นทำงาน เพื่อปฏิบัติราชการอย่างเป็นทางการก็มี “น้องน้ำ” มาให้การต้อนรับ

ถือเป็นการทดสอบความสามารถเบื้องต้นว่าจะแก้ไขปัญหาได้ดีแค่ไหน เป็นที่ถูกอกถูกใจชาวบ้านได้หรือไม่

เรื่องของชาติบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

ทุกอย่างล้วนมีมูลค่าทั้งสิ้น!

เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสำคัญ ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็นได้ แต่เมื่อเป็นแล้วก็ต้องทำให้ได้

ขนาด “ลุงป้อม” รอจนเหงือกแห้งก็ยังไม่ได้เป็น

หรือบางคนเป็นแล้วก็อยู่ไม่ได้นานอย่าง “เศรษฐา ทวีสิน”

หลังแถลงนโยบายของรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย จากนี้ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบ นี่เป็นของจริงแล้วนะ

ไม่ใช่ฝันไป...

ทุกอย่างที่วางเอาไว้ก็หาใช่ว่าจะลุล่วง ไปอย่างที่หวัง ต้องเจออุปสรรคและขวากหนามเข้ามาเป็นเรื่องกวนใจเสมอ

อย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” นโยบายประชานิยมแจกหัวละหมื่น ที่ได้ฤกษ์แจก เฟสแรกกลุ่มเปราะบางและคนพิการ 14.2 ล้านคน

25 ก.ย.67...

แต่ปรากฏว่าเฟส 2 เลื่อนออกไปเป็นปีหน้า (2568) ปัญหาก็คือยังหาเงิน มาโปะไม่ลงตัว ต้องชะลอออกไปก่อน

ก็อย่างที่บอกกันว่าเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจพายุหมุน 3 รอบนั้น ก็แค่พูดเอาเท่เท่านั้น เพราะในสภาพความเป็นจริงมันคงเป็นเรื่องยาก

เพียงแต่เป้าหมายเปลี่ยน หวังแค่ให้โครงการออกมาก็ดีถมไปแล้ว

เพราะประกาศอวดสรรพคุณตอนหาเสียงหาคะแนน ขืนตกรถไฟข้างทาง มีหวังเสียคะแนนนิยมและความเชื่อถือไปหมด

เอาเป็นเรื่องนี้ไม่อยากจะพูดถึงแล้ว

อายปากตัวเองเปล่าๆปลี้ๆ...

ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ มีการเปรียบเทียบคู่ชิงทางการเมืองของหัวหน้าพรรคการเมือง 2 พรรค

...

1. “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล

2. “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน

ทั้งสองคนต่างเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงไม่ต่างกัน เพียงแต่เป็น “หญิง” กับ “ชาย” เท่านั้น อายุก็ไล่เลี่ยกัน

แต่ต้องมาเป็นคู่แข่งทางการเมืองที่ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้

คนแรกกะว่าอีก 3 ปี จึงจะลงสนามจริง ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากอุบัติเหตุทางการเมือง จึงจำเป็นต้องมาสวมหัวโขนก่อนเวลา

คนที่ 2 นั้นก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่เพราะ “ก้าวไกล” พรรคเก่าต้องถูกยุบพรรคเสียก่อน จึงได้รับเลือกให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค “ประชาชน”

ก็เลยกลายมาเป็นคู่ชิงที่สมน้ำ สมเนื้อ

พรรษาทางการเมืองนั้น คนเป็นผู้ชายน่าจะเหนือกว่า เพราะทำงานในสภาฯ มาก่อน ส่วนฝ่ายหญิงเข้าสู่สนามจริงเป็นครั้งแรก

แต่ทุกอย่างสามารถเรียนรู้กันได้ อยู่ที่ว่าจะไวจะช้าเท่านั้น

เผอิญว่าวันที่ 15 ก.ย.67 ที่จะถึงนี้ มีการเลือกตั้งซ่อม สส.ที่พิษณุโลก เป็นการแข่งขันกันระหว่าง 2 พรรคคือ “เพื่อไทย” กับ “ประชาชน”

แน่นอนว่าหัวหน้าของแต่ละพรรคย่อมมีส่วนจูงใจให้ผู้สมัครไม่มากก็น้อย

“แดง” กับ “ส้ม” สู้กันสองต่อสองอย่างนี้

ถือเป็นการออกตัวทางการเมืองครั้งสำคัญยิ่ง!


"ลิขิต จงสกุล"

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม