สส.พรรคพลังประชารัฐ “ชัยมงคล ไชยรบ” เปรียบ ครม. เหมือน “เหล้าเก่าในขวดใหม่” มีทั้งพ่อแทนลูก ลูกแทนพ่อ ชี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คนไทยคงถูกจ้างไปแจกไพ่ เหน็บตระบัดสัตย์ มีที่ไหนพรรคที่ยกมือให้ 39 เสียง ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน ด้าน “อรรถกร-สส.เพื่อไทย” ประท้วง เสียดสี
วันที่ 12 กันยายน 2567 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวอภิปรายนโยบายของคณะรัฐมนตรี ว่า ประโยคที่น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และประโยคที่บอกว่า “คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ความหวังของคนไทยเริ่มเรืองรอง” แต่เมื่อเห็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีทำให้ความหวังเหล่านั้นเริ่มลางเลือน เพราะประกอบไปด้วยคนเก่า 70-80% เพิ่มเติมคนใหม่มาบ้าง เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ เขียนฉลากเพิ่มเติม มีทั้งพ่อแทนลูก หรือลูกแทนพ่อ น้องแทนพี่ ซึ่งคนที่เข้ามาแทนกันไม่ใช่ว่าไม่ใช่คนดี เขาอาจเป็นคนดี แต่จะสามารถบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีเดิมพันด้วยประชาชนคนไทย 70 กว่าล้านคนได้หรือไม่
องค์ประกอบคณะรัฐมนตรีชุดนี้มาจากหลายสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่มาจากผลพวงพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่มีจุดยืนว่าอำนาจรัฐต้องมาจากปลายกระบอกปืน มาจากรัฐมนตรีอาชีพ ที่เลือกจะเป็นรัฐมนตรีมา 17-18 สมัย ส่วนคนใหม่นั้นก็สืบทอดโดยสายเลือด สื่อมวลชนจึงขนานนามคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า ญาติกาบ้าง ผู้สืบสันดานบ้าง ทำให้เห็นทางของนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไม่ได้เห็นว่าจะสามารถหวังผลประการใด และหากได้ทำตามที่อ่านคำการแถลงนโยบายในรัฐสภาแห่งนี้ ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองในวันพรุ่งนี้เลยแต่ตนไม่แปลกใจเพราะนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากชุดที่แล้ว และมีต้นทางมาจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เช่นเรื่องยาเสพติดก็เขียนเหมือนกันว่าจะต้องจัดการรวมถึงพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการยึดทรัพย์บำบัดผู้เสพ ซึ่งผลดำเนินการของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไตรมาสที่สอง มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น 29.9% ซึ่งหมายความว่าเป็นการบริหารงานรัฐที่ล้มเหลวในการปราบปรามยาเสพติด
...
นอกจากนี้นโยบายเรือธงและเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่บอกจะสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น คนไทยจะมีรายได้เพิ่มสามารถเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีการจ้างงานซึ่งคนไทยจะไปเป็นคนแจกไพ่ เป็นแรงงาน เป็นคนต้อนรับ แต่คนรวยมีไม่เกิน 10 ตระกูล แต่คนจนจะมีนับ 10 ล้านคน ซึ่งนโยบายเช่นนี้เปรียบเสมือนทำให้เห็นว่าเป็นนโยบายจากกลุ่มชนชั้นนำ เพื่อชนชั้นนำและเพื่อทุนขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไร้ความหวังจากพฤติกรรมที่ทำ แต่หากอ่านตามนโยบายที่เขียนไว้ตนขอชื่นชม
ขณะที่เรื่องของพลังงานที่ต้องการให้ลดราคาทั้งค่าไฟค่าน้ำ ฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่ากรุณาดูเอ็มโอยู ปี 44 ซึ่งบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และหลักฐานต่างๆได้บ่งชี้ว่าไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นแผ่นดินไทย ซึ่งเราไปทำเอ็มโอยูและสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน และดินแดนที่จะเสียเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มีปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งใครไปเซ็นกับใครไว้ตามไปแก้ไขไปยกเลิกด้วย ทั้งนี้ขอให้จำคำพูดของตนไว้ให้ดีในแผ่นดินรัชกาลนี้ คนไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนไม่ว่าจะทางพื้นดินทางพื้นน้ำแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หากทำให้เสียดินแดนเขาจะตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติคนทรยศต่อแผ่นดิน
“นโยบายเรือธงที่พูดกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วการแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นเงินสดหรือไม่แต่มีการวางแผนไว้ดีอย่างไร เพื่อที่จะไม่ไปส่งเสริมสินค้าจากต่างชาติที่มีราคาถูกที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย จนกระทั่งทำลาย SME ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยเจ๊งระเนระนาด เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำโดยการอ่านตามตัวอักษร แต่อยากเห็นการกระทำที่เป็นจริง เมื่อมองที่ของรัฐบาลวันนี้ภาพที่ประชาชนรับรู้คือ “การตระบัดสัตย์” มีที่ไหนพรรคที่ยกมือให้ 39 เสียง ให้ไปเป็นฝ่ายค้านเปรียบเสมือนไปหุงข้าวด้วยกันแต่เมื่อเวลาข้าวสุกข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคที่งดออกเสียงเชิญมาเป็นรัฐบาล”
ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่าเพื่อนสมาชิกทำผิดข้อบังคับและพูดจาเสียดสี พร้อมระบุว่า หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 2 เดือน นโยบายฉบับนี้คงเห็นด้วย แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เหมือนกับเปลี่ยนใจ จึงขอให้ประธานกำชับเพื่อนสมาชิกทำตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย
นายชัยมงคล ได้กล่าวอภิปรายเพิ่มเติมว่า ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล นักการเมืองไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ขอแต่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างน้อยข้อเสนอแนะแนวทางที่ตนพูดไปเป็นประโยชน์เพื่อประชาชนไม่ใช่เป็นประโยชน์ส่วนตัว
“ผมไม่อยากเห็นรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากชนชั้นสูงเพื่อคนชั้นสูงและอาศัยมือของประชาชนในคาบประชาธิปไตย แล้วอ้างประชาชนมากอบโกยผลประโยชน์อย่างตะกละตะกราม และมูมมาม”
จากนั้น ไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิ์ประท้วงขอให้ถอนคำพูด คำว่า "ชนชั้นสูงกอบโกย" นายชัยมงคลจึงขอถอนคำพูดดังกล่าว