“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เข้ากระทรวงอุตสาหกรรมวันแรก หลังได้แต่งตั้งเป็น รมว.อุตสาหกรรม ตั้งเป้าเดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย จ่อยุบรวมกองทุนทั้งหมดที่มี มาไว้เป็นกองทุนเดียว เพื่อใช้ขับเคลื่อนพัฒนาอุตสาหกรรม

วันที่ 11 กันยายน 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นวันแรก โดยมาถึงช่วงเวลาประมาณ 08.07 น. ก้าวลงจากรถแตะพื้นด้วยเท้าขวา โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง รอให้การต้อนรับ จากนั้นถือฤกษ์ดี 08.19 น. สักการะองค์พระนารายณ์ และไหว้ศาลพระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงอุตสาหกรรม แล้วจึงเข้าห้องทำงาน เขียนคติเตือนใจการทำงาน กับเป้าหมายปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย เพื่อรับโอกาสที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำเดี๋ยวนี้ ทำทันที และทุกวินาที พร้อมมอบนโยบายและแนวทางดำเนินงานให้ข้าราชการกระทรวง

...

สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการ คือ การกำจัดขยะพิษ, ปกป้องและดูแลอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก จากความสุ่มเสี่ยงพฤติกรรมการบิดเบือนกลไกตลาดหรือการทุ่มตลาด ซึ่งต้องมีการแก้กติกาและส่งเสริมให้สามารถค้าขายได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ให้แข่งขันในการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ และเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งหมดคือภารกิจหลักที่จะทำให้สำเร็จระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม

พร้อมกันนี้ เตรียมเสนอก่อตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม รวบรวมกองทุนที่มีอยู่เยอะมากให้มาอยู่ในกองทุนเดียว ซึ่งจะต้องมีการแก้กฎระเบียบและกฎหมาย เพื่อนำมาใช้ทั้งการสนับสนุน SMEs, เยียวยาผลกระทบที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรม ให้ภารกิจลุล่วงให้ได้ หวังว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะถูกจารึกไว้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน โดยวันนี้หลังมอบนโยบายก็จะลงพื้นที่ จ.ระยอง ติดตามปัญหาการกำจัดกากพิษ ในจุดที่สารเคมีรั่วไหลจากการลักลอบทิ้งและกำจัดไม่ถูกต้อง เป็นการส่งสัญญาณว่าจะเอาจริงเอาจังคุมเข้ม ต้องเร่งแก้กฎหมายเอาผิด เพื่อสกัดธุรกิจสีเทาที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทยอีก

ส่วนการแก้กฎหมายที่ภาคเอกชน นายเอกนัฏ ระบุว่า ต้องแก้กว่า 1 แสนฉบับ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเดินหน้าและแข่งขันได้ดีขึ้น ส่วนตัวมีแนวคิดจะรื้อ แก้ และปรับปรุงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ทั้งกฎหมาย กฎกระทรวง และประกาศ ซึ่งต้องจัดลำดับความสำคัญ รวมถึงกรณีของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนแล้วสร้างมลพิษก็ต้องต่อสู้กับกลุ่มนี้ โดยจะต้องอาศัยความร่วมมือกับนักลงทุนต่างชาติที่มีคุณภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขร่วมกัน มั่นใจว่านโยบายทุกอย่างที่จะดำเนินการจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน และพร้อมสำหรับการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้.

(ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย)