"หยุดระบอบชินวัตร ครม.ญาติกา" ขึ้นป้ายเทศกาลอีเวนต์ใหญ่ โหมโรงศึกชิงเมืองตอนใหม่ ตามจังหวะขยับของเครือข่ายต้านระบอบทักษิณ ประกอบด้วยกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และเครือข่ายกองทัพธรรม “สันติอโศก”

ประกาศดีเดย์ 17 กันยายน เคลื่อนม็อบลงถนน

ปฏิบัติการ “จุดไฟกลางสายฝน” ระดมมวลชนโค่นกระดานรัฐบาล “นายกฯ 2 พ่อลูก” กันตั้งแต่ฤดูพายุคะนอง จ้องตะลุมบอนกันตั้งแต่ “ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชิน” ยังไม่ทันนั่งโต๊ะทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า

โดยเงื่อนไขสถานการณ์ ผิดที่ ผิดเวลา สภาพมวลชนหร็อมแหร็มบางตา

ม็อบลุยฝน ยังไม่มีชนวนไวไฟ “จุดติดยาก”

แต่ต้องไม่ลืมยี่ห้อ “สันติอโศก” คือ “ขี้ไต้” ที่เป็นหัวเชื้อจุดเริ่มของไฟมาตั้งแต่ม็อบพันธมิตรเสื้อเหลือง ต่อเนื่องมวลชน “สลิ่ม” กปปส. กำลังหลักก็คือนักรบกองทัพธรรมสาวกของ “สมณะโพธิรักษ์” ผู้ล่วงลับ

“แววตาแข็ง” ทนแดด ทนฝน สั่งบุกแล้วไม่กลับ

การขยับของเครือข่ายต้านระบอบทักษิณจึงไม่ได้มองแค่ฉากสถานการณ์ตรงหน้า หมากเบี้ยไล่ต้อนขุนจนกระดาน ประมุข “จันทร์ส่องหล้า” ย่อมรู้ดี

ต้องเช็กรหัสสัญญาณกันไม่คลาดสายตา แม้จะเห็นแค่ควัน

เพราะโดยธรรมชาติของม็อบจะไประอุกันในห้วงฤดูร้อน ออกฤทธิ์ออกเดชกันตอนสงกรานต์ เมษายน พฤษภาคม อารมณ์เกษตรกรที่เดือดร้อนจากภัยแล้ง มาผสมไล่รัฐบาล

ตามรูปเกม ลำพังม็อบไม่มีพลังล้มนายกฯได้ แต่มันคือปัจจัยประกอบเงื่อนไขในเกมโค่นกระดานอำนาจรัฐบาล ไม่ว่าจะโดย “ปฏิวัติ” ด้วยทหาร หรือ “ปฏิรูป” โดยกฎหมายภายใต้กระบวนการ “นิติสงคราม”

...

แบบที่ “เถ้าแก่ใหญ่” โดนทุบ ล้มโต๊ะ “นอมินี” มาแล้ว 3-4 รอบ

ปรากฏการณ์ “เดจาวู” วนกลับไปกลับมา ม็อบโค่นระบอบทักษิณขยับอุ่นเตา

กลางฤดูฝน ล้อไปกับเสียงคำรามฮึ่มฮั่มของ “คนในป่า” อารมณ์ “เสือเฒ่า” ลายพาดกลอน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ประกาศสู้ต่อไม่ถอย ไม่มีถอดใจ

พร้อมสำแดงเดช “ฤทธิ์มีดบิน” ไม่เคยพลาดเป้า

อาวุธลับที่แฝงอยู่ในองค์กรอิสระยังทรงอิทธิพล “อันตรายเต็มเปี่ยม”

โฟกัสแค่จอมสอย “มือวางอันดับหนึ่งของโลก” อย่างนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ล่าสุดไล่บี้ไล่จี้ไปที่ปมแหลมๆคมๆกรณีการแต่งตั้ง “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งแท่นรองนายกฯ ควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม

ตั้งแง่สงสัย อดีต “สหายใหญ่” ที่หนีเข้าป่าในเดือนตุลาคม 2519 พฤติการณ์เข้าข่าย “ล้มล้างการปกครอง” ลาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเงี่ยงคมปม “จริยธรรม” แต่งตั้งรัฐมนตรี

ไปบวกกับ 11 รัฐมนตรี ที่เครื่อง “สแกนจริยธรรม” ร้องตี๊ดๆ ไปนั่งติดระเบิดเวลาอยู่ข้างๆ “ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชิน” เสี่ยงตูมตามได้ทุกขณะ

จ้องจังหวะ “ภูมิคุ้มกันขึ้นๆลงๆ” ม็อบโค่นกระดานระบอบทักษิณ เหมือน “เชื้อปรสิต” ที่แฝงอยู่ในเกมอำนาจประเทศไทย ไม่ได้หายไปไหน ไม่ต่างจาก “ฝีดาษลิง” หายไปนานกว่า 40 ปี ยังโผล่กลับมาได้

ยิ่ง “นายกฯอิ๊งค์” ที่เกิดหลังปี 2523 ไม่ได้รับวัคซีน “ฝีดาษ” โอกาสเสี่ยงกว่าคนแก่

ต้องเร่งเสริมภูมิคุ้มกัน อัดวัคซีนเป็นเกราะกำบัง ลำพังบทเรียกแต้มสงสาร ลูกอ้อน ลูกยังเล็ก ไม่อยากมีคดี ใช้มุกน่ารัก ยังไม่อาจเป็นหลักประกันลบล้าง “ผู้ครอบครอง–ผู้ครอบงำ” สภาพ “นายกฯ 2 พ่อลูก”

เดิมพันถูกผูกมัดกับ “สมองกล” ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน แบกความหวังในการฟื้นวิกฤติเศรษฐกิจ คืนความกินดีอยู่ดีให้คนไทย แบบที่ น.ส.แพทองธารนำทีมแถลงนำร่อง “นโยบาย” รัฐบาล

ให้คำมั่นพันธสัญญากับประชาชนต้อง “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”

ถ้าทำผลงานให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ก็การันตีตั๋วรัฐบาลยาวๆ ตรงกันข้ามถ้าปั่นงานไม่ออก เศรษฐกิจไม่ฟื้น กู้ปัญหาปากท้องชาวบ้านไม่ได้

ภาพ ครม.ครอบครัว ญาติกา แค่สลับหน้ามาแย่งเค้ก จ้องคอร์รัปชัน

พ่อผู้ “ครอบครอง” จะกลายเป็นพ่อผู้ “ครอบงำ”

จุดเสี่ยงเชื้อปรสิตม็อบไล่ระบอบทักษิณกำเริบ นำร่องเกม “ปฏิวัติ-ปฏิรูป”.


ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม