ภาวะผู้นำและวุฒิภาวะเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับบุคคลที่จะเป็นผู้นำประเทศระดับนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้
“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอายุเพียงแค่ 38 ปี ถือว่าน้อยมากสำหรับประเทศไทยหรือระดับโลกก็ว่าได้
ดังนั้น ประสบการณ์จึงมีไม่มากนักแม้จะอยู่ใกล้ชิดการเมืองแต่ก็ไม่เคยดำรงตำแหน่งใดมาก่อน นอกจากเป็นผู้บริหารบริษัทในเครือข่ายของครอบครัวเท่านั้น
อยู่ที่ว่าจะเรียนรู้ด้วยตนเองมากน้อยแค่ไหน...เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การแต่งตั้งให้ “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องทำงานใกล้ชิดตลอดเวลาจึงมีความสำคัญมาก
“หมอมิงค์” นั้นถือว่าเป็น “คนใน” ของตระกูลชินวัตรก็ว่าได้ เพราะเริ่มต้นทำงานในบริษัทในเครือมายาวนานและเป็นคนหนึ่งที่ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และทำงานใกล้ชิดมาจนถึงปัจจุบัน
เขาสนใจการเมืองและมีแววเป็นผู้นำมาตั้งแต่สมัยเรียนที่ ร.ร.สวนกุหลาบ และผ่านการสู้รบด้วยการเข้าป่ารุ่นราวคราวเดียวกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย”
ดังนั้นจึงครบเครื่องแทบทุกด้าน...
หลังจากทำงานรับใช้ “นายใหญ่” มาแล้ว มาวันนี้มารับใช้ “นายหญิง” ย่อมสนิทสนมคุ้นเคยรู้ใจกันเป็นอย่างดี
พูดง่ายๆว่ารู้มือรู้ใจกัน...ว่างั้นเถอะ!
แม้นายกรัฐมนตรีจะมี “พ่อ” เป็นที่ปรึกษาใหญ่แต่ก็ต้องมี “พี่เลี้ยง” ที่ใกล้ชิดเพื่อแนะนำในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ทุกฝีก้าว
คงไม่ต่างไปจาก “ภูมิธรรม” ผู้จัดการรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ “พี่เลี้ยง” ด้วยเช่นกัน
ในสถานการณ์การเมืองที่ฝ่ายตรงข้ามประกาศตรวจสอบทุกฝีก้าวอย่างนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรไปไหนอย่างไรจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
...
แม้แต่ประเด็นการแสดงวุฒิภาวะหากผิดพลาดขึ้นมา ก็มีสิทธิที่จะต้องถูกร้องว่ากระทำผิดด้านจริยธรรมหรือไม่
นี่เป็นเรื่องเก่าแต่ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาเป็นเรื่องที่ทันสมัยทางการเมืองยุคปัจจุบัน
ไม่ว่าใครในรัฐบาลก็มิอาจหลีกหนีพ้นไปได้ ฉะนั้นทุกคนจึงต้องระมัดระวัง
แม้กระทั่ง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ชอบอวดเก่งเบ่งบารมี หากไม่หยุดพฤติกรรมอย่างที่เคยทำมาก็มีสิทธิไปกันทั้งยวงได้
ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีคนนี้คือ “ลูกสาว” อันเป็นที่รักยิ่งหาก “พ่อ” ทำให้ต้องพลาดท่าเสียทีทางการเมืองก็คงจะเป็นบาปทางใจไปอีกนาน
เพราะก่อนหน้านี้น้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและต้องไปเผชิญชีวิตอยู่นอกประเทศในขณะนี้
ก็เพราะใคร?
การออกกฎหมายนิรโทษกรรม “สุดซอย” เพื่อหวังช่วยให้พี่ชายได้กลับประเทศไทยจนเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง น้องสาวต้องระเหเร่ร่อนร้องกลับบ้านอยู่ในขณะนี้
นั่นคงเป็นบทเรียนสำคัญที่ “ทักษิณ” จะต้องจำไปตลอดชีวิต
วันนี้ลูกสาวได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจปรารถนาของ “พ่อ” แล้วจะก่อให้เกิดเหตุขึ้นมาอีกมันคงเป็นตราบาปใหญ่หลวงนัก
ทุกอย่างสร้างได้แต่ต้องหนุนส่งให้ก้าวไปข้างหน้า
ไม่ใช่ทำให้ตกรถข้างทางด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอีก!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม