สลค.แจ้ง ครม.ใหม่ตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ “นายกฯอิ๊งค์” ตรวจทานร่างแถลงนโยบาย ยันส่วนใหญ่ยังคงเดิม เดินหน้าสานต่อ “รัฐบาลเศรษฐา” ไม่ให้สะดุด มั่นใจทำผลงานออกมาดี ถึงกับอุทานเจอคำวิจารณ์แรง “ครม.สืบสันดาน” ย้ำ “ไม่พร้อมข่มเหงแต่พร้อมรับฟัง” “สรวงศ์” รับถนัดงานกีฬา ลุยปั้นท่องเที่ยวหารายได้ “ชูศักดิ์” เล็งแก้ รธน.วางกติกาให้ชัด “ธรรมนัส” หาช่องกฎหมายออกจาก พปชร.แต่ยังคงสถานะ สส. “ซาบีดา” พร้อมพิสูจน์ผลงานแทนพ่อ “ยุทธพล” ไขก๊อกลาออกทุกตำแหน่งใน ชทพ. หวั่น “วงประชุมบ้านจันทร์” พ่นพิษ ติดร่างแหถูกตัดสิทธิไปด้วย ปชน.ชำแหละงบฯต่อวันที่ 3 ซัด สธ.ใช้ภาษีทำโรดโชว์เอื้อ รพ.เอกชน ฉะอุตฯจัดเลี้ยงปั้นเชฟฟุ่มเฟือย

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แจ้งประสานรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าตรวจ RT-PCR เตรียมความพร้อมก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าตึกชินวัตร 3 ตรวจทานร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา มีพรรคร่วมรัฐบาลทยอยส่งนโยบายเข้ามาแล้ว

“ทักษิณ” ดอดเข้าตึกชินวัตร 3

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาดูการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาลที่เตรียมเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ในวันที่ 7 ก.ย. ต่อมาเวลา 11.28 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังอาคารชินวัตร 3 แต่หลบไปเข้าทางชั้นใต้ดิน ไม่ได้เข้าด้านหน้าอาคารเหมือนก่อนหน้านี้ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการครอบงำ และมีการนำเรื่องไปร้องกับองค์กรต่างๆ

...

“อิ๊งค์” ตรวจทานร่างนโยบาย

ต่อมา น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่างแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า วันนี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะให้ได้ข้อสรุปทุกอย่าง ดูถ้อยคำไม่ให้สะดุด แต่เรื่องนโยบายเรียบร้อยแล้ว และต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ทยอยส่งมาแล้ว เมื่อถามว่ามีการปรับเปลี่ยนนโยบายบ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังดูไม่จบ วันนี้จะประชุมกัน เมื่อถามว่าของพรรคเพื่อไทยจะเน้นนโยบายอะไรบ้าง น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังคงนโยบายเดิม แต่จะปรับรายละเอียดเล็กน้อยในส่วนของดิจิทัลวอลเล็ต (โครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต) และจะอธิบายบางนโยบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ขอให้อดใจรอ ขอยังไม่พูดรายละเอียดในตอนนี้

นโยบายเหมือนเดิมเดินหน้าต่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายแรกที่จะสานต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ประชาชนจะได้เห็นทันทีคืออะไร น.ส.แพทองธารตอบว่า ขอให้รอรายละเอียดนิดนึง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรที่นายเศรษฐาทำไว้ ทำต่อแน่นอน มีหลายเรื่องที่เริ่มเข้ามาคุยแล้วว่าจะทำต่ออย่างไรบ้าง เช่น การลงทุนจากต่างประเทศ มีการขอความมั่นใจมาเพราะเราเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ยังเป็นคนของพรรคเพื่อไทย และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนเดิม จึงไม่อยากให้คนไทยเสียโอกาส นโยบายค่อนข้างเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้สะดุด และอยากให้ประเทศเดินหน้าต่อ เมื่อถามถึงสนามการค้าไทยกับต่างประเทศยังเดินหน้าสานต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐาใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อ มีการพูดคุยกับหลายหน่วยงาน เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ไว้ จะนำมารวมอยู่ในนโยบายด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า “อะไรที่เป็นประโยชน์เดี๋ยวดูกันอีกที”

รอเคลียร์ ภท.ส่งเสริมใช้กัญชา

เมื่อถามถึงนโยบายกัญชาที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันจะเดินหน้าต่อ จะพูดคุยกันอย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า รับทราบเรื่องนี้แล้วจะมีการพูดคุยกันในรายละเอียด คิดว่าคุยกันได้แน่นอน ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าทั้งพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยมีการพูดคุยเรื่องกัญชาแล้วหรือไม่ นายกฯตอบว่า มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันอยู่แล้ว เหลือเพียงการเขียนลงในนโยบายให้เป็นลายลักษณ์อักษร

มั่นใจ ครม.ใหม่ผลงานออกมาดี

เมื่อถามว่าการมีรองนายกรัฐมนตรี 6 คน จะแบ่งงานกันอย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า วางเอาไว้แล้วว่าจะให้ใครทำอะไร ส่วนรายละเอียดขออีกนิดนึง อยากให้เกิดความชัดเจนเวลามอบหมายงานจะได้ตามกลับได้ชัดเจน เมื่อถามว่าตั้งเป้าหมายหรือมุ่งหวังกับ ครม.ชุดนี้อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารตอบว่า คิดว่าดีมากๆ จริงๆทุกคนพร้อมสานงานต่อ เป็นพลังที่เรามารวมกันแล้วอยากทำเพื่อประชาชน อยากให้ประเทศไปต่อ ฉะนั้นหลายๆคนมีทั้งหน้าใหม่และหน้าเดิมทุกคนพร้อม เมื่อถามว่าจะมอบให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ดูแลงานด้านความมั่นคง และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) น.ส.แพทองธารตอบว่า ขอดูรายละเอียดอีกหน่อยจะไปแยกเรื่องของรองนายกฯแล้วมาแจ้งให้ทราบ

ร้องโหคำแรง “ครม.สืบสันดาน”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะตั้งเงื่อนเวลาเพื่อวัด KPI ในการทำงานหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ยัง เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์หน้าตา ครม. เป็นการสืบต่อครอบครัวถึงขั้นใช้คำแรงว่า “ครม.สืบสันดาน” น.ส.แพทองธารถึงกับอุทานว่า “โห ใช้คำแรงจัง จริงๆมีหลายรูปแบบ และหลายคนที่ไม่ใช่เป็นครอบครัวหรือเกี่ยวข้องกัน มีหลายคู่ที่เป็นครอบครัวต่อกันมา อยากให้มองว่าเป็นความตั้งใจได้ไหม ที่มันถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิดคนรู้จัก หลายอย่างที่ต้องทำต้องใช้แรงผลักดัน อาศัยความภาคภูมิใจของคนข้างๆ คนรอบๆ ฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวหรือเป็นอะไรไม่ใช่ข้อเสีย เป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า” เมื่อถามว่ายังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่แต่มีการเตรียมเรื่องฟ้องร้องแล้ว น.ส.แพทองธารตอบว่า สงสารนายกฯบ้างอย่าฟ้องอะไรเยอะ เป็นนายกฯที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ตั้งใจทำงานเต็มที่ บางทีเรื่องเล็กๆอย่าไปให้ความสำคัญอะไรมาก คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลย ไม่ได้ผิดแบบนั้นอยู่แล้ว

ไม่พร้อมข่มเหงแต่พร้อมรับฟัง

เมื่อถามว่าความที่อายุน้อยมีกังวลบ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติโดยการโหวตจากสภา ต้องขอบพระคุณทุกท่าน การเป็นนายกฯไม่พร้อมจะข่มเหงใคร แต่พร้อมจะ รับฟังและให้ความเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน หลักคิดตรงนี้จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น เมื่อถามย้ำว่าจะทำให้เกิดความบั่นทอนในการทำงานหรือไม่ นายกฯตอบว่า “ก็ไม่ ก็โอเคนะ ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าทุกคนคิดว่าวิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ได้ใช้อารมณ์ คิดว่าน่าจะมี แต่โอเคมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เพียงแต่ขอกำลังใจกันบ้างแค่นั้นเอง”

คึกคัก ครม.อิ๊งค์ 1 ตรวจ RT-PCR

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งประสานให้รัฐมนตรีชุดใหม่ เตรียมความพร้อมเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 6 ก.ย. เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พร้อมแจ้งให้เข้ามาตรวจ RT-PCR ในวันที่ 5 ก.ย. ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำให้บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารัฐมนตรีทยอยเข้ารับการตรวจ RT-PCR นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เดินทางมาถึงเป็นคนแรก รวมถึงรัฐมนตรีหน้าใหม่อย่างนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รวมถึง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ที่ได้รับความสนใจจากช่างภาพและสื่อมวลชนเป็นพิเศษ ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย มาเป็นคนสุดท้าย ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นแจ้งขอตรวจด้วยตัวเอง

นายกฯปรับฮวงจุ้ยห้องทำงาน

ทั้งนี้ มีความเคลื่อนไหวการจัดเตรียมห้องทำงานนายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้า ทีมงาน น.ส.แพทองธารเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อย ล่าสุดจากเดิมจะใช้ชุดโต๊ะทำงานสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ น.ส.แพทองธารได้เปลี่ยนจะนำชุดโต๊ะทำงานมาเอง รวมถึงจะปรับมุมตั้งโต๊ะทำงานใหม่ ให้หันหน้าไปยังตึกบัญชาการ 1 จากเดิมสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ตั้งโต๊ะทำงานหันหน้าไปยังตึกสันติไมตรี ขณะที่ช่วงบ่ายวันที่ 5 ก.ย. มีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจวัดเพื่อปรับปรุงพื้นที่บริเวณรอบศาลพระภูมิ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ส่วนที่จอดรถนายกฯ รองนายกฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ รัฐมนตรีที่มาประชุม ครม. และคณะทำงาน ทางทำเนียบฯ เตรียมเปลี่ยนป้ายทั้งหมด จากเดิมพื้นป้ายสีขาวมาเป็นสีเขียว เปลี่ยนตัวอักษรสีน้ำเงินมาเป็นสีขาว ห้องทำงานรองนายกฯ และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ตึกบัญชาการ 1 ส่วนใหญ่ใช้ห้องทำงานเดิม มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรองนายกฯ จะใช้ห้องทำงานเดิมของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่ชั้น 1 แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังไม่ได้ให้ทีมงานมาเก็บของออกไป

“สรวงศ์” รับถนัดงานกีฬาหารายได้

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตื่นเต้นมากที่มารับตำแหน่งนี้ การท่องเที่ยวถือว่าเป็นรายได้หลัก งานหนักพอสมควร มีหลายหน่วยงานร่วมกันรับผิดชอบ จะพยายามทำให้ดีที่สุด การได้รับตำแหน่งครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ถนัดอยู่แล้วเคยเป็นนักกีฬา ในอนาคตต้องวางแผนเรื่องการท่องเที่ยวและกีฬาให้สอดคล้องกัน ถือว่านายกฯให้เกียรติที่แต่งตั้งและมอบหมายงานสําคัญ สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงฯก่อนมารับตำแหน่ง ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เมื่อถามว่านโยบายควิกวินที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง นายสรวงศ์ตอบว่า เรื่องนโยบายท่องเที่ยวนายเศรษฐาปูพื้นฐานไว้ดีพอสมควร เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ส่วนการสานต่อฟรีวีซ่าในประเทศสำคัญ และฟรีวีซ่า

เชงเก้นที่นายเศรษฐาเจรจาไว้ ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ให้คนไทยเที่ยวกันเองมากที่สุด ส่งผลกับเศรษฐกิจฐานราก ร้านค้าเล็กๆ จะได้ผลประโยชน์จำนวนมาก

“ชูศักดิ์” เล็งแก้ รธน.วางกติกาชัดๆ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวถึงภารกิจงานที่ได้รับมอบหมายว่า คาดว่านายกฯน่าจะมอบหมายให้ดูเรื่องกฎหมายที่จะเข้าที่ประชุม ครม. และสภาผู้แทนราษฎร งานสำคัญคือ เรื่องการผลักดันจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับ รวมถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการนำเสนอ เช่น กฎหมายซอฟต์พาวเวอร์ เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการตีกรอบเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้ชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า หลักการของเราคือ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการแก้ไขอะไรยังไม่ถึงเวลาที่จะพูด มาตรฐานเรื่องจริยธรรมเคยบอกว่าปัญหาคือความไม่ชัดเจน และเกิดปัญหาในการตีความเป็นปัญหาจากการเขียนรัฐธรรมนูญที่วิตก หากตีความกันอย่างกว้างขวางอาจทำให้การบริหารประเทศไปไม่ได้ เช่น มีคนเคยถูกใบสั่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มาถูกรื้อฟื้นว่าฝ่าฝืนกฎจราจร เป็นความผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ก็ยากแก่การชี้วัด เรื่องนี้ต้องทำให้เป็นมาตรฐาน ไม่ต้องตีความอะไรมากมาย

ไม่ห่วงนายกฯถูกร้องหลายคดี

เมื่อถามว่าหากดูประวัติรัฐมนตรีชุดนี้มีใครที่น่าเสียวไส้เรื่องจริยธรรมอีกหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ผ่านมาหมดแล้วไม่น่ามีปัญหา เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ถูกยื่นตรวจสอบหลายคดีเป็นห่วงหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า นายกฯระมัดระวังเรื่องนี้มาก เพราะทราบปัญหาของสังคมไทย มีทีมคณะทำงานเตรียมความพร้อมเรื่องพวกนี้ไว้ทั้งหมด ไม่ให้ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมและกฎหมาย อีกทั้งนายกฯเห็นประสบการณ์แล้วในอดีต เมื่อถามว่า มีประเด็นใดที่นายกฯสุ่มเสี่ยงเรื่องจริยธรรมหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ไม่มีอะไรเพราะได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯแล้ว ส่วนประเด็นกฎหมายที่มาร้องทีหลังเตรียมการแก้ไขไว้หมดแล้ว เช่น เรื่องหุ้นจะทำอย่างไร มีบรรทัดฐานและคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนประเด็นครอบงำก็ชัดเจนว่าไม่ใช่ เป็นแค่การให้คำปรึกษา เป็นเสรีภาพที่ทำได้ ยืนยันในฐานะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ไม่มีการครอบงำ

หาช่องออก พปชร.แต่ยังเป็น สส.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวลาออกจากเลขาธิการพรรค พร้อม 5 สส.ในกลุ่มที่ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค พปชร. (กก.บห.) ว่า กลุ่มตนลาออกจากการเป็น กก.บห.พรรค พปชร.จริง ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. หลังจากประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรค ประกอบด้วย นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ออกเอกสารฉบับนี้ เราไม่ได้แจ้งเขา เราลาโดยตรงกับนายทะเบียนพรรคการเมืองคือเลขาธิการ กกต. และกำลังดูข้อกฎหมายว่าจะออกจากพรรคอย่างไรแบบถูกกฎหมาย แต่ยังคงเป็น สส.

“ซาบีดา” พร้อมพิสูจน์การทำงาน

น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ตื่นเต้นที่ต้องมาทำหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทย จะใช้ประสบการณ์ที่ติดตามการทำงานมาจากคุณพ่อ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย ขณะนี้ยังไม่มีอะไรขอให้เข้าที่เข้าทางก่อน ไม่รู้สึกตกใจที่ต้องมาทำหน้าที่แทนพ่อ เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ครม.ชุดนี้เป็น ครม.ครอบครัว น.ส.ซาบีดาตอบว่า ไม่กังวล เพราะว่าไม่มี เมื่อถามย้ำว่า นายชาดาอยากให้สานต่องานด้านใด น.ส.ซาบีดาตอบว่า “คุณพ่อบอกให้ทำงานเต็มที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ” เมื่อถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ อาจถูกปรามาสเรื่องความสามารถ น.ส.ซาบีดาตอบว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์

การันตีลูก “ชาดา” คุณสมบัติครบ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ครม.ชุดใหม่ส่วนใหญ่คนหลักยังดำรงตำแหน่งเดิม ภาพรวมนโยบายเป็นการต่อยอดไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เวลาที่เหลือในสภาชุดนี้ยังทำนโยบายต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ ด้วยความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ส่วนคำวิจารณ์ ครม.นี้ เป็น ครม.สืบสันดานนั้น คำว่าสืบสันดานหากดูทางกฎหมาย เป็นคำที่อยู่ในทางกฎหมายอยู่แล้ว วาทกรรมเหล่านี้ควรหมดไป ฝืดแล้วกับการใช้วาทกรรม ส่วนกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ถอนตัวไม่รับตำแหน่ง รมช.มหาดไทยนั้น นายชาดาไม่ได้บอกให้เอาลูกสาวตัวเองมาเป็น รมช.มหาดไทย เพียงแค่ในฐานะที่นายชาดาดำรงตำแหน่งนี้มาก่อน ให้สิทธิเสนอบุคคล เมื่อมีการเสนอมาแล้วได้ดูประวัติ น.ส.ซาบีดามั่นใจมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ สามารถทำงานนี้ได้

“พีระพันธุ์” เชื่อรัฐบาลไม่สะดุด

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า พรรค รทสช.เตรียมนำเสนอนโยบายต่อรัฐบาลในการประชุม ครม.นัดพิเศษ คือกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงาน นโยบายด้านพลังงานของพรรคชัดเจนอยู่แล้ว ที่จะหาทางวางระบบพลังงานของประเทศ ให้เกิดความเป็นธรรมด้วยราคาที่เหมาะสมกับประชาชน ตอนนี้กฎหมายที่ทำอยู่เสร็จแล้ว เป็นการวางระบบใหม่ทั้งหมด แต่บังเอิญที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองพอดี ดังนั้นจะทำต่อ ตอนนี้ให้คณะทำงานด้านกฎหมายตรวจสอบอยู่ เสนอเข้า ครม.ในปีนี้แน่นอน ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม จะเน้นสนับสนุนอุตสาหกรรมรายย่อย ธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น แก้ไขอุปสรรคความไม่คล่องตัว เมื่อถามว่าเป็นห่วงคดีที่มีการยื่นร้องนายกฯ จะทำให้การทำงานรัฐบาลสะดุดหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า คิดว่าไม่เกี่ยวกันหรอก สมัยที่แล้วนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ก็โดนหลายเรื่อง เราก็ทำงานกันได้ แต่ละกระทรวงเดินหน้าทำงานตามภารกิจ

“วราวุธ” มั่นใจ ครม.ใหม่ไปถึงฝั่ง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ว่า ครม.ชุดนี้มีจำนวนสุภาพสตรีสูงที่สุด ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้หลายฝ่ายเห็นว่าเราส่งเสริมความเท่าเทียมและบทบาทของสตรี ฉะนั้นในประเด็นสังคมที่ตนรับผิดชอบ มั่นใจจะสามารถผลักดันมิติของสังคมและสวัสดิการได้อย่างเต็มที่ ส่วนมิติในด้านอื่นจะเห็นได้ว่ามีรัฐมนตรีที่เป็นเจนวายหลายคนมีโอกาสเข้ามาทำงาน มั่นใจในศักยภาพและฝีมือการทำงานว่าจะสามารถทำให้รัฐบาลชุดนี้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าทั้งผู้นำรัฐบาล ครม. และทีมที่ปรึกษา จะนำรัฐนาวาไปต่อได้แน่นอน ส่วนการประชุม ครม.นัดพิเศษ วันที่ 7 ก.ย. เพื่อเสนอนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนนายกฯจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรค ชทพ.จะนำเสนอนโยบายการส่งเสริมศักยภาพในกลุ่มเปราะบางให้ทั่วถึงมากขึ้น

“ยุทธพล” ลาทุกตำแหน่ง ชทพ.

วันเดียวกัน นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองหัวหน้าพรรค ชทพ. โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า “ถึงวันก็ต้องไป...” 15 ปีที่อยู่มา ด้วยสัจจะและกตัญญู ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความสุข เต็มใจและเต็มที่มาตลอด ดีใจที่ได้ทำงานหลายบทบาทหน้าที่ อันเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน จะไม่มีวันลืมความเมตตากรุณา ความไว้วางใจที่นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 21 และนายชุมพล ศิลปอาชา มอบให้ผมมาตลอด ขอบพระคุณหัวหน้าพรรคฯ สมาชิกพรรคฯ ขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ อดีต สส. และ สส.ของพรรคฯ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่พรรคฯทุกคน วันนี้ได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคฯ รองหัวหน้าพรรคฯ และสมาชิกพรรครวมไปถึงตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมฯ มีโอกาสคงได้พบกันอีก

หวั่น “บ้านจันทร์” พ่นพิษถูกตัดสิทธิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่นายยุทธพลลาออก ส่วนหนึ่งเกิดจากกรณีแกนนำพรรค ชทพ. เดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าช่วงค่ำวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ผ่านมติ กก.บห.พรรคที่นายยุทธพลเป็น กก.บห.พรรคด้วย ที่ผ่านมาผู้บริหารและสมาชิกพรรคหลายคนหารืออย่างไม่เป็นทางการ เห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงอาจถูกยุบพรรค และอาจส่งผลให้ กก.บห.พรรคถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้ เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือเพื่อเสนอชื่อนายกฯคนใหม่ และจัดตั้งรัฐบาล อาจถูกร้องว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 29 ที่กำหนดชัดเจน ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งไม่ใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม ก่อนหน้านี้มีคนยื่นใบลาออกแล้ว 2 รายคือ นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค ชทพ. และนายรัฐชทรัพย์ นิชิด้า กรรมการยุทธศาสตร์และประชาสัมพันธ์

ปชน.สับงบ สธ.กระจุกตัวซ้ำซ้อน

เมื่อเวลา 09.40 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระ 2-3 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เริ่มต้นที่มาตรา 25 งบกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) วงเงิน 53,622,170,000 บาท มี สส.พรรคประชาชน (ปชน.)หลายคน อภิปรายทักท้วงการจัดงบกระจุกตัวไม่กี่หน่วยงาน ไม่คุ้มค่า เกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรการสาธารณสุข อาทิ นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรค ปชน.อภิปรายว่า งบ สธ.ไปกระจุกตัวอยู่ที่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เน้นแต่โครงการพัฒนาสุขภาพ ไม่เน้นพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ ควรทบทวนเพื่อป้องกันปัญหาบุคลากรไหลออก ขณะที่โครงการนวัตกรรมสุขภาพวงเงิน 61.7 ล้านบาท นำไปพัฒนา Line OA หมอพร้อม 20 ล้านบาท ซ้ำซ้อนกับโครงการ Chat Pot กรมสุขภาพจิต 10 ล้านบาท

เฉ่งใช้ภาษีโรดโชว์เอื้อ รพ.เอกชน

นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรค ปชน. กล่าวว่า ขอตัดงบโครงการ “World Explore” 555 ล้านบาท ที่จะนำไปโรดโชว์ศักยภาพการแพทย์ของไทย ชวนชาวต่างประเทศมารักษาในไทย แต่คนได้ประโยชน์สูงสุดคือโรงพยาบาลเอกชน เหตุใดไม่ใช้เงินเอกชนเอง แต่สำนักงานการแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันวัคซีน และกรมสุขภาพจิต กลับได้งบน้อยนิด มัวแต่ให้ความสำคัญกับการโรดโชว์ เชิญคนมารักษาใน รพ.เอกชนมากกว่า

ภท.ขู่ฟ้องจริยธรรม สส.ส้มให้ร้าย

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า สธ.ต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ ผิดหวังมากกับอดีต รมว.สาธารณสุข สมัยที่แล้ว เคยบอกจะรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจากตนแต่ไม่รับ ผิดหวังจริงๆ ทั้งที่มี สส.กระบี่ 3 คน ในพื้นที่แท้ๆ แต่พัฒนาสาธารณสุขในพื้นที่ไม่ได้เลย เกิดอะไรขึ้น ต่อมาช่วงท้ายการอภิปรายเกิดเหตุประท้วงวุ่นวายขึ้น เมื่อนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ขอใช้สิทธิประท้วงให้นายประเสริฐพงษ์ ถอนคำพูดที่พาดพิง สส.กระบี่ 3 คน ในลักษณะเสียดสีใส่ร้าย แต่นายประเสริฐพงษ์ไม่ถอนคำพูด ยืนยันไม่ได้อภิปรายใส่ร้ายใคร ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์พยายามไกล่เกลี่ย ให้บันทึกคำประท้วงนายสฤษฏ์พงษ์ไว้ แต่นายสฤษฏ์พงษ์ขอไปตรวจเทปและชวเลข หากพูดจริงและเสียหายจริงจะดำเนินเรื่องผิดจริยธรรม นายประเสริฐพงษ์พยายามที่จะลุกขึ้นตอบโต้อีก แต่นายวันมูหะมัดนอร์ตัดบท ก่อนที่ประชุมมีมติผ่านมาตรานี้

ฉะ ก.อุตฯจัดเลี้ยงปั้นเชฟฟุ่มเฟือย

จากนั้นเข้าสู่มาตรา 26 งบกระทรวงอุตสาหกรรมวงเงิน 3,147,733,200 บาท นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรค ปชน. อภิปรายตั้งข้อสังเกตขอตัดงบโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 6 โครงการ รวม 762,386,000 บาท แบ่งเป็นโครงการด้านอาหาร 4 โครงการ และแฟชั่น 2 โครงการ โดยเฉพาะโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟ วงเงิน 468 ล้านบาท พบว่าเป็นค่าจัดเลี้ยงอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม 289 ล้านบาท หรือ 60% ของโครงการ จากเป้าหมาย 17,000 คน ปรับเหลือ 15,000 คน โครงการพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น 50 ล้านบาท ใช้งบถึง 30 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเข้าค่าย workshop เพื่อเสนอ content ส่วนโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์แฟชั่น 60 ล้านบาท จ้างอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมทำ content ถึง 12 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป หลังอภิปรายกันครบถ้วน ที่ประชุมลงมติเห็นชอบผ่านมาตรา 26

เสนอหั่นงบ ตร.ฝึก Local CAT

เข้าสู่มาตรา 27 งบส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี วงเงิน 43,602,295,000 บาท น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรค ปชน. อภิปรายให้ปรับลดงบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในส่วนค่าใช้จ่ายการฝึกยุทธวิธีตำรวจ ที่รวมอยู่กับโครงการแมวบ้าน หรือ Local CAT 298 ล้านบาท เพราะแค่ค่าเครื่องแบบใช้ไปถึง 119 ล้านบาท เบิกทุกปีเสี่ยงต่อการทุจริต กมธ.ฯบอกว่า การฝึกจำเป็นต้องแจกเครื่องแบบใหม่ทุกครั้ง เพราะเวลาไปถวายความปลอดภัยต้องสมพระเกียรติ แต่ความจริงแล้วชุดฝึกจะเป็นคนละชุดกัน กำลังพล Local CAT มี 4,999 นาย ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการในพระองค์ที่ทำหน้าที่ถวายความปลอดภัยมีกำลังพล 8,120 นาย เท่าที่ทราบในจำนวน 4,999 นาย มีพนักงานสอบสวนอยู่กว่า 800 นาย เอาไปฝึกนาน 4-5 เดือน ทั้งๆที่พนักงานสอบสวนขาดแคลนงานล้นมืออยู่แล้ว ตร.ควรยกเลิกการฝึก Local CAT จะได้พ้นการครหาว่าคนที่ฝึกหลักสูตรนี้จะได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่ ดังนั้นขอตัดงบ Local CAT ทั้งหมดประมาณ 298,309,200 บาท เพื่อคืนความสงบสุขให้แก่ตำรวจทุกคน

รวมไทยสร้างชาติขอเจียด 2% ปราบโจร

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอแปรญัตติปรับลดงบ 2% ไปให้กองทุนเพื่อการสืบสวนและสอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดของ ตร.เพราะโจรชุกชุม แต่งบไม่พอให้เจ้าหน้าที่ลงไปสืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิด ชาวบ้านมาแจ้งความตำรวจอยากลงไปสืบสวนจับกุม แต่ค่ารถ ค่าน้ำมัน ไม่มี ร้อยเวรยังต้องใช้คอมพิวเตอร์ตัวเองทำคดีอยู่เลย จ.ราชบุรี โจรตัดสายไฟตามทางหลวง รถไฟทางคู่ ถนนเพชรเกษมโดนตัดเหี้ยนแต่จับไม่ได้ อีกหน่อยขโมยโจรเต็มบ้านเต็มเมือง

“จุลพันธ์” ยันงบปราบโจรมีพอ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง รองประธาน กมธ.พิจารณา พ.ร.บ.งบฯปี 2568 ชี้แจงว่า กองทุนเพื่อการสืบสวนและสอบสวนฯของ ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ กำหนดให้มีไว้เป็นเงินเสริมจากงบปกติ สำหรับสถานีตำรวจกว่า 1,000 แห่ง งบฯปี 2568 ตั้งไว้ 950 ล้านบาท และมีเงินค่าเปรียบเทียบปรับ

คดีอาญา ที่เป็นอำนาจของตำรวจ เงินค่าปรับตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก เฉพาะส่วนที่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และเงินค่าปรับทางปกครอง ที่ตำรวจสั่งปรับตามกฎหมาย ที่ ครม.อนุมัติให้สมทบเข้ากับกองทุนฯได้ตามที่กระทรวงการคลังอนุมัติประมาณปีละ 500-600 ล้านบาท เป็นการจัดสรรงบฯที่เพียงพอแล้ว

แจงงบฝึก Local Cat ไม่ซ้ำซ้อน

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายโครงการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยสำหรับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ โครงการการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โครงการเฝ้าตรวจเตือนเตรียมการรองรับภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชน โครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างจิตสำนึกต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และค่าใช้จ่ายของกองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัย เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสำคัญ กมธ.ฯดูรายละเอียดแล้ว ค่าใช้จ่ายในการฝึกยุทธวิธีตำรวจโครงการ Local Cat รวมถึงงบในส่วนราชการในพระองค์เกี่ยวกับโครงการถวายความปลอดภัย ที่มีข้อสงสัยว่ามีความซ้ำซ้อนนั้น กมธ.ฯเสียงข้างมากดูรายละเอียดครบถ้วน ยืนยันเป็นโครงการที่มีความจำเป็น และเป็นมาตรฐานสากล เป็นภารกิจที่ ตร.เป็นส่วนหนึ่ง ไม่มีการปรับลดงบแต่อย่างใด จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบผ่านมาตรา 27

“กรุณพล” เขย่าค่าอาหาร สส.

ต่อมาช่วงเย็น เข้าสู่มาตรา 30 งบรัฐสภาวงเงิน 4,000,277,600 บาท นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายถึงงบค่าอาหาร สส.ว่า ค่าอาหารปี 2566 และ 2567 ตั้งไว้ปีละ 72 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงไม่ถึง ปี 2567 ใช้ไป 31 ล้านบาท ใช้ไม่หมดส่งคืนคลังทุกปี ปี 2568 ขอมา 72 ล้านบาทเหมือนเดิม แต่ กมธ.ฯ ตัดไป 15 ล้านบาท เหลือ 57 ล้านบาท ค่าอาหาร สส.ในวันประชุมสภามี 3 มื้อ ถ้าประชุมสภาดึกจะมีอาหารรอบดึกเพิ่มให้ ยิ่งถ้าเกินเที่ยงคืนมีพิเศษให้อีก สรุปแล้ววันประชุมสภาปกติ ค่าอาหาร สส.ต่อวันอยู่ที่ 5 แสนบาท ถ้าเลิกดึกอยู่ที่ 7 แสนบาท เทียบกับค่าอาหารเจ้าหน้าที่ได้เฉพาะมื้อเย็น เป็นอาหารกล่องอยู่ที่ 100 บาทต่อคน มี 930 คน หรือ 93,000 บาทต่อวัน แต่เท่าที่ดูเจ้าหน้าที่ที่ทำงานจริง มีไม่ถึง 930 คน หาที่มาตัวเลข 930 คนไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีค่าอาหารรับรองการประชุม กมธ.ฯตกปีละ 39 ล้านบาท ที่ผ่านมาประชาชนก่นด่าเรื่องอาหาร สส.เต็มที่ ควรวางแผนใหม่ไม่ให้มีอาหารเหลือมากมาย

แจกบัตรเติมเงินต่อวันเหลือคืน

ขณะที่นายธเนศ เครือรัตน์ กมธ.ฯเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า งบอาหาร สส.ปีละ 72 ล้านบาท แต่ใช้จริงปีละ 30 ล้านบาท ส่งคืนทุกปี ปีนี้ กมธ.ฯตั้งใจปรับลดให้อยู่ที่ 40 ล้านบาทต่อปี แต่สุดท้ายปรับลดได้แค่ 15 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากต้องสำรองไว้กรณีประชุมเพิ่มเติมในวันศุกร์ รวมถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ฝั่งสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ปีนี้จะประชุมร่วมรัฐสภาหลายครั้ง ด้านนายทรงยศ รามสูต กมธ.ฯเสียงข้างมาก กล่าวว่า กมธ.จัดทำข้อสังเกตแจ้งถึงวิธีลดค่าอาหาร สส.ควรเปลี่ยนใช้บัตรเติมเงิน มีวงเงินให้ สส.ใช้วันละ 350 บาท นำไปซื้ออาหาร ถ้าใช้ไม่หมดต้องคืนสภาในวันนั้นๆ หลังจากอภิปรายครบถ้วน ที่ประชุมลงมติเห็นชอบผ่านมาตรา 30

ปชน.รุมจองกฐินถล่มศาล รธน.

จากนั้นเข้าสู่มาตรา 31 ศาล วงเงิน 8,725,721,200 บาท สส.พรรคประชาชนหลายคนขึ้นมาอภิปรายงบประมาณของศาลรัฐธรรมนูญ อาทิ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรค ปชน. กล่าวถึงหลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นปธ.) ของศาลรัฐธรรมนูญว่า ใช้งบ 8.8 ล้านบาท เป็นหลักสูตรคอนเน็กชั่น ดูตัวโครงการไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ใด สิ่งที่ทำไม่ใช่เรื่องนิติธรรม แต่เป็นเรื่องปฏิบัติธรรมมากกว่า บางโครงการไปปฏิบัติธรรมไกลถึงอินเดีย เนปาล ดูรายชื่อศิษย์เก่าโครงการไม่ต่างจากงานสังสรรค์รวมญาติ หลายรุ่นนามสกุลเดียวกัน พ่อเรียนเสร็จ แม่เรียนต่อ ลูกเรียนต่อ หลักสูตรเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ในองค์กรที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ความเป็นกลาง ขอตัดงบโครงการนี้ทั้งหมด เพื่อเป็นหลักประกันความเป็นกลางให้ทำหน้าที่ตุลาการอย่างอิสระ

ฉะปอดขอ 1 ล. แต่ปิดคอมเมนต์

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรค ปชน. กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญของบประมาณโครงการสำรวจความเชื่อมั่นต่อการอำนวยความยุติธรรมผ่านทางออนไลน์ วงเงิน 1 ล้านบาท เพื่อสำรวจความเห็นประชาชนต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตรวจสอบพบเฟซบุ๊กศาลรัฐธรรมนูญกลับปิดคอมเมนต์ ไม่ให้แสดงความคิดเห็นเป็นการของบย้อนแย้งกับการกระทำหรือไม่ ไม่รู้ปอดหรือไม่ที่ไม่กล้าเปิดช่องให้คอมเมนต์ การสำรวจความเห็นประชาชนไม่จำเป็นต้องใช้งบแม้แต่บาทเดียว แค่เปิดคอมเมนต์ให้ประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นก็ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าว

ซัด กกต.-อัยการอบรมฟุ่มเฟือย

มาถึงมาตรา 32 หน่วยงานขององค์กรอิสระและอัยการ วงเงิน 10,327,613,900 บาท นายกันตพงศ์ ประยูรศักดิ์ สส.กทม. พรรค ปชน. ตั้งข้อสังเกตงบประมาณของ กกต. และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีงบอบรมรวมกันสูงถึง 425 ล้านบาท เป็นงบอบรมของ กกต. 256 ล้านบาท ใน 3 ด้าน คือ ด้านการเลือกตั้ง ด้านสร้างความเข้มแข็งเครือข่าย และด้านประชาธิปไตย ขณะที่อัยการสูงสุดมีงบอบรม 168 ล้านบาท ดูแล้วใช้งบอบรมมากเกินไป นำ 2 องค์กรมารวมกันเรียกว่าเป็นกิจการอบรมแห่งชาติ

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายตั้งข้อสังเกตการทำงานของ กกต.เรื่องการชี้มูลให้ใบเหลือง ใบแดง ไม่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้ง สว.ที่ผ่านมา ที่ประชาชนจับจ้องอยู่ ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ใครทำผิดต้องได้รับโทษ โดยที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 32

ฟัน “สมหญิง” โกงงบฯฟุตซอล

อีกเรื่อง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีดำ อม.18/2565 กรณีนางสมหญิง บัวบุตร อดีต สส.อำนาจเจริญ พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 12 คน ประกอบด้วย 1.นางสมหญิง 2.นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) 3.นายอดุลย์ กองทอง อดีต ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ 4.ห้างหุ้นส่วนจำกัด จี โอ โอ ดี 5.นายอนุชา หรือนนทชิต วงศ์มณีรัตน์ 6.บริษัท ที วี เอ็น เทคโนโลยี จำกัด 7.น.ส.พรเพ็ญ ภิรมย์กิจ 8.บริษัท วาย อีอี จำกัด 9.นายยี พณิชยา 10.บริษัท สปอร์ต แอนด์ เกม จำกัด 11.น.ส.เบญจพันธ์ บุญบงการ และ 12.นายพิพัฒน์ กาลพัฒน์ เป็นจำเลย 1-12 ตามลำดับ ทุจริตจัดสรรงบฯปี 2555 แปรญัตติให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใน จ.อำนาจเจริญ จัดซื้อจัดจ้างงานปรับปรุงสนามฟุตซอล โดยศาล พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ปรับ 1 แสนบาท จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 5 ปี ปรับ 1.5 แสนบาท และจำคุกจำเลยที่ 5, 7, 9, 11 คนละ 2 ปี ปรับจำเลยที่ 4, 6, 8, 10 รายละ 22,467,500 บาท ให้จำเลยที่ 1, 2 และ 7 รอการลงโทษ 3 ปี ในทางนำสืบเป็นประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษให้ จำคุกจำเลยที่ 5, 7, 9, 11 คนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับจำเลยที่ 4, 6, 8, 10 คนละ 14,978,333.33 บาท

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่