กองทัพบก ยืนยันการจัดซื้อถาดหลุมเป็นไปตามระเบียบ ต้องใช้ชนิด SUS 304 เพราะต้องบรรจุอาหาร  ด้าน “วิโรจน์” โต้กลับ กำหนดสเปกดีไปทำไม จะกันกระสุนหรือร่อนกลับแบบโล่ห์กัปตันอเมริกา แนะ นำงบไปเพิ่มค่าอาหารมากกว่า ขอให้เวลา “บิ๊กอ้วน” ทำงานก่อน วอนทำให้กองทัพโปร่งใส 

วันที่ 5 กันยายน 2567 กรมพลาธิการทหารบก โพสต์ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายเกี่ยวกับการจัดหาถาดหลุมของกรมพลาธิการทหารบก ในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการและมีความเหมาะสมต่อการใช้งานหรือไม่นั้น  

กองทัพบก ขอชี้แจงว่า การจัดหาถาดหลุมของกรมพลาธิการทหารบกนั้น เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ส่วนวัสดุที่ใช้ในการผลิตต้องเป็นวัสดุเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) ชนิด SUS 304 เป็นวัสดุที่เป็นเกรดสำหรับใส่บรรจุอาหารเพื่อใช้บริโภค (Food Grade) มีความปลอดภัยในการใช้งาน และมีความหนา 0.8 มิลลิเมตร ทำให้มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานเป็นประจำทุกวัน ๆ ละ 3 มื้อ และสามารถนำไปใช้ในฐานปฏิบัติการต่าง ๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้ ขณะที่วิธีประกวดราคา เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม โดยมีผู้เสนอราคาต่ำสุด ใบละ 520 บาท มีความใกล้เคียงกับราคาตลาดของยี่ห้อตราหัวม้าลาย 650 บาท (ราคาหลังจัดโปรโมชั่น 515 บาท) และตรานกนางนวล 619 บาท (ราคาหลังจัดโปรโมชั่น 520 บาท) จึงขอยืนยันว่า การจัดหาถาดหลุมของกรมพลาธิการเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ เพื่อให้การใช้งานสำหรับทหารกองประจำการเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเหมาะสมกับการใช้งาน

...

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ให้สัมภาษณ์โต้กลับถึงกรณีที่กรมพลาธิการทหารบก และกองทัพบก ออกมาชี้แจงเรื่องถาดหลุมรับประทานอาหาร ว่า ส่วนแตกต่างที่สำคัญที่สุดจากการชี้แจงของกองทัพ คือความยาวที่ต่างจากยี่ห้อหัวม้าลายและนกนางนวล 3 เซนติเมตร แต่หากกรมพลาธิการดูตามความคิดเห็นในสื่อโซเชียลมีเดีย ก็จะเห็นว่ามีคำถามเกิดขึ้นว่าจะให้ใหญ่ไปทำไม เพราะอาหารในหลุมก็มีน้อยเหมือนกับของไหว้สัมภเวสี บางครั้งของไหว้เหล่านั้นยังจะดูเยอะกว่าอาหารของนายทหาร หรือจะเน้นก็แต่ข้าวที่พูนถาดหลุม 

สำหรับราคาที่กรมพลาธิการทหารบกออกมาชี้แจงว่าใกล้เคียงกับทั้งสองยี่ห้อ ในราคาหน่วยละ 500 บาท แต่หากค้นหาจากเว็บไซต์ทั่วไปก็จะอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 400 บาท แต่นั่นคือราคาต่อ 1 ใบ กรณีของกองทัพบกมีการสั่งผลิตมากถึง 10,000 ใบ แต่กองทัพก็อาจจะอ้างได้ว่านี่เป็นการผลิตจึงต้องมีการขึ้นมวลใหม่ แต่คำถามคือจะต้องผลิตใหม่เพื่ออะไร ทั้งที่ในท้องตลาดมีอยู่ เพียงแต่สั้นกว่า 3 เซนติเมตรและบางกว่า 0.3 มิลลิเมตร หากจะบอกว่าของกองทัพถูกผลิตในลักษณะที่ขอบถาดโค้ง แต่ของทั้งสองยี่ห้อก็มีขอบมนใช้ในโรงเรียนอยู่แล้ว

มีอีกอย่างที่ตนอ่านจะคำชี้แจงและรู้สึกอยากตั้งคำถาม คือการนำไปใช้ในปฏิบัติการนอกฐานที่มั่น ต้องมีความคงทนเป็นพิเศษ จึงอยากจะถามว่าจะนำไปเป็นโรคกันกระสุนหรืออย่างไร หรือขว้างไปและเป็นบูมเมอแรงกลับมาได้เหมือนโล่กัปตันอเมริกา และอยากย้ำว่ากรมพลาธิการทหารบกต้องยอมรับว่าประชาชนก็มีการตรวจสอบ TOR และรู้ว่าสเปคที่กำหนดแปลก ๆ หวังจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง จึงคิดว่างบประมาณนี้ จะปรับลดลง เปลี่ยนให้กับค่าอาหารของข้าราชการทหารจะดีกว่าหรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เคยให้คำมั่นว่าจะทำให้กองทัพโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนตัวเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี มาแทน จะทำให้มั่นใจขึ้นหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็คงมีการตั้งคำถามถึงนายภูมิธรรม แต่ต้องให้ทำงานดูสักพักก่อน ซึ่งนายภูมิธรรม อาจจะรู้เรื่องกองทัพดีกว่าตนเองด้วยซ้ำไป เพราะท่านเคยหนีเข้าไปอยู่ในป่า และรู้ถึงปัญหาของกองทัพ 

“จริงๆ คุณภูมิธรรมก็สหายใหญ่ ที่เขาเรียกกัน แต่ก็แปลกนะ สหายใหญ่มาเจอบิ๊กเล็กด้วย ตกลงใครใหญ่ใครเล็กก็ยังไม่รู้เลย” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ต้องให้เวลานายภูมิธรรมในการทำงาน ซึ่งการจะให้ประชาชนไว้เนื้อเชื่อใจ และความสัมพันธ์ที่ดีกับทหาร สิ่งที่นายภูมิธรรมใน รมว.กลาโหม จะต้องทำให้ได้คือความโปร่งใส และการเปิดเผย การตรวจสอบได้ หากอ้างว่าเป็นงบลับทางราชการไปทั้งหมดแบบกำปั้นทุบดิน สุดท้ายประชาชนก็จะไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และการจัดซื้อส่วนใหญ่ของกองทัพ ประชาชนก็จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ขัดขวางการขับเคลื่อนทหารไปข้างหน้าอีกด้วย 

ดังนั้น ความโปร่งใสจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเชื่อว่าการสมัครทหารด้วยความสมัครใจ หรือการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการลดจำนวนนายพล หรือหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม ก็รู้ว่ามันไม่ได้สร้างเสร็จภายใน 1-2 วัน และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รมว.กลาโหม จะกำหนดกรอบเวลาว่าใน 1 ปี จะได้เท่าไหร่ หรือกำลังพลจะลดลงเท่าไหร่ หรือมีแผนออกมาให้ชัดเจน ประชาชนจะได้ติดตามตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง และการพัฒนากองทัพเป็นไปตามสมุดปกขาวกำหนดหรือไม่ เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง ทหาร กองทัพ และประชาชน