“จุลพันธ์” แย้ม ดิจิทัลวอลเล็ตเล็งใช้โครงใหม่ เปลี่ยนรูปแบบจ่ายเป็นเงินสด ชี้ ป้องนักร้อง เพื่อให้รัฐบาล “อิ๊งค์” ปลอดภัย บอก รอฟังตอนแถลงนโยบายกลาง ก.ย.นี้


วันที่ 4 กันยายน 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา กล่าวถึงภาพประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในวาระ 2 และวาระ 3 วันแรก ว่า เป็นไปอย่างราบรื่น เดินหน้าได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในช่วงเช้ามีการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ก็คาดว่าจะเดินหน้าได้ 13-14 มาตรา และจบในเวลา 22.00 น. เมื่อคืนนี้ ส่วนการลงมติก็ผ่านความเห็นชอบไปได้ด้วยดี ขณะที่การอภิปรายในสภาเป็นการหยิบยกเอาประเด็นข้อสงสัยข้อห่วงใยและมีการถามตอบชี้แจงได้ครบถ้วนในแต่ละประเด็น ซึ่งภาพรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

เมื่อถามต่อถึงเรื่องโครงการเติมเงิน 10,000 ผ่าน Digital Wallet สามารถชี้แจงให้ความมั่นใจแก่ฝ่ายค้านได้มากน้อยแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราสามารถยืนยันได้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แน่นอนว่ารูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการแถลงนโยบาย แม้ว่าตนเองจะพอรับทราบโครงสร้างใหม่มาแล้วบ้าง ก็ยังไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน ต้องรอให้กระบวนการครบถ้วนก่อน ซึ่งคาดว่าประมาณ 10 วันน่าจะรู้เรื่อง

...

ทั้งนี้ ช่วงราววันที่ 15-17 กันยายน 2567 คาดว่าจะมีการแถลงนโยบาย ซึ่งหากเป็นไปตามกรอบเวลาก็จะทราบว่าโครงสร้างของโครงการปรับเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเงินที่ได้มีการเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นงบกลาง ปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้าน และงบปี 2568 ที่กำลังพิจารณาอยู่ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน

ขณะที่เรื่องการจ่ายเงินสดเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากกลัวว่าการจ่ายเงินสดจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่กระจายลงฐานรากอย่างแท้จริง นายจุลพันธ์ ยอมรับว่ามีหลายมุมมอง เพราะลักษณะการดำเนินนโยบายสาธารณะมีมุมมองที่แตกต่าง ในวันที่เราจะทำในรูปแบบดิจิทัล 100% ก็มีข้อท้วงติงบอกว่าให้ไปดูกลุ่มเปราะบาง และทางวุฒิสภา (สว.) ก็เห็นร้องห่มร้องไห้ให้แจกเป็นเงินสด ต้องยอมรับว่าได้ยินมาจริง ๆ จากตัวแทนของประชาชน ซึ่งทางเราก็รับฟัง และตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน มาจนถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ก็เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนและทุกฝ่าย รวมถึงฝ่ายค้านและภาคราชการ ซึ่งเมื่อมีเสียงสะท้อนมาเราก็รับฟัง

ผู้สื่อข่าวถามต่อ ส่วนตัวมองว่าควรเป็นแบบไหนเพื่อให้การใช้จ่ายง่ายขึ้น นายจุลพันธ์ ตอบว่า ตนยังไม่อยากตอบ อยากให้รอฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนประเด็นแรก กลไกการเดินหน้ารัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเต็มไปด้วยนักร้อง เมื่อมีการร้องเข้ามาแล้วก็มีการสะดุดติดขัด ไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลเท่านั้น แต่กระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง เมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาและคาอยู่เป็นปี ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นต่อการบริโภค การลงทุน การเดินหน้าชีวิต อีกทั้งวันนี้มองว่า อะไรที่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง ตนมองว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ต้องปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

ส่วนประเด็นที่ 2 มีข้อสังเกตและข้อห่วงใยจากหน่วยงานของรัฐ และจากฝ่ายค้านในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางจุดเพื่อให้เกิดประโยชน์โดยเร็ว กระตุ้นเศรษฐกิจในการเป็นเม็ดเงินให้กับประชาชน ซึ่งเราก็รับฟังมา และยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนเป็นเงินสดมีความเป็นไปได้ในบางส่วน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้มีการพิจารณาร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งวันนี้ก็ได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยแล้ว จะต้องนำทั้งหมดมารวมกัน คลุกรวมกัน เพื่อให้เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับกันได้

ทางด้านคำถามว่าประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้วจะทำอย่างไร นายจุลพันธ์ ระบุว่า ยังเดินหน้าต่อ ตนไม่ได้หมายความว่าไม่มีโครงการที่เป็นในลักษณะของดิจิทัลวอลเล็ต เราต้องมาดูรายละเอียดกัน แต่เรื่องการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังมีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่ทราบกันมาตลอด คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่อาจละเลยได้ ยังอยู่ในวัตถุประสงค์ แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับที่น่าพึงพอใจในระดับที่ยอมรับได้ เรื่องนั้นต่างหากที่เป็นคำตอบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบจะมีผลต่อแรงส่งต่อพายุหมุนที่ตั้งไว้ นายจุลพันธ์ ระบุว่า แน่นอน การปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม มีทั้งในแง่บวกและแง่ลบในตัวของมันเอง เราต้องหาจุดสมดุลที่มีความเหมาะสมที่สุดเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ และบรรลุวัตถุประสงค์ ทำอย่างไรให้ได้ทุกอย่างในระดับที่ยอมรับได้.