รอเพียงประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการสำหรับ 35 รัฐมนตรี รัฐบาลก็จะเข้าทำงานบริหารประเทศได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นั่นเป็นส่วนของฝ่ายบริหารที่นำโดย “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยในบริบทใหม่

แต่ด้านนิติบัญญัติซึ่งมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลก็ต้องไปดูจำนวนเสียงว่าจำนวนเท่าใด ซึ่งการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณางบประมาณปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย.67 วาระ 2-3

ก็จะรู้จำนวนที่ชัดเจนว่าใครเป็นใครอยู่ฝั่งไหนกันแน่

จากนี้ไปรัฐบาลก็จะเริ่มบริหารประเทศซึ่งมีการวางโครงสร้างใหญ่เอาไว้ 2 ภารกิจ โดยมีตัวบุคคลรับผิดชอบ

1. ฝ่ายเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรีจะดูแลด้วยตนเองทั้งหมด

2. ฝ่ายความมั่นคง “ภูมิธรรม เวชยชัย” จะควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและตำรวจจะควบคุมและรับผิดชอบทั้งหมด

รัฐบาลชุดใหม่นี้ด้วยจำนวนเสียงสนับสนุนต้องบอกว่ามีเสถียรภาพและมั่นคงมาก โอกาสที่จะอยู่ครบเทอมค่อนข้างสูง

ถ้าไม่ไปสะดุดขาตัวเองเสียก่อน!

เท่าที่ตรวจสอบแล้วรัฐบาลจะวางน้ำหนักไปที่เรื่อง “เศรษฐกิจ” เป็นหลัก ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายความอยู่รอดของรัฐบาลด้วย

จากแผนงานที่จะกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลนั้นไม่น่าจะต่างไปจากวิชันหรือวิสัยทัศน์ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้

ที่จะดำเนินการก่อนก็คือ "ดิจิทัลวอลเล็ต" อันเป็นนโยบายประชานิยมที่ “เพื่อไทย” ใช้หาเสียงเลือกตั้ง

เพราะล่าช้าไปเกือบจะครบปีแล้ว...

ประเด็นสำคัญก็คือรัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบายนี้ให้เห็นเป็นรูปธรรมและจับต้องได้ เนื่องจากเป็นพันธะสัญญาต่อประชาชนที่ทวงถามมาตลอด

...

จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้สำเร็จก่อนสิ้นปีนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเชื่อถือว่าประกาศไปแล้วต้องทำได้

แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านมาตลอดแต่มาถึงวันนี้ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการใหม่ที่ไม่มีปัญหาทางด้านกฎหมาย ด้วยการใช้เงินจากงบประมาณและมุ่งสู่เป้าหมายที่ชัดเจน

น่าจะเริ่มได้หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯและเข้าบริหารประเทศเต็มรูปแบบ โดยจะแจกกลุ่มเปราะบางและคนพิการเป็นกลุ่มแรก

ด้วย “เงินสด” ตามเสียงเรียกร้อง

จากนั้นก็จะแจกให้ประชาชนทั่วไปตามรูปแบบที่กำลังกำหนดแนวทางว่าจะใช้วิธีไหนและใครบ้างที่จะได้รับเงิน

รัฐบาลคาดหวังว่านโยบายนี้จะทำให้ประชาชนพอใจและสร้างคะแนนนิยมให้ “เพื่อไทย” คืนกลับมาได้

แม้ว่าผลที่จะได้มากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่ที่แน่นอนก็คือทำให้งานการเมืองประสบความสำเร็จสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถืออย่างชัดเจนคืนกลับมา

ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นและประชาชนพอใจ!


"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม