มีการคาดการณ์กันว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะนำรายชื่อ ขึ้นทูลเกล้าฯได้ภายในวันที่ 12 ก.ย.

เหตุที่ล่าช้าไปมากก็เพราะจะต้องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ชัดเจน ละเอียดทุกบทบัญญัติ และทุกมาตราที่เขียนไว้

ต้องไม่เหมือนกับที่ตรวจสอบแบบขอไปทีเหมือนกรณีของอดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน หรือถามมาข้อเดียวก็ตอบไปข้อเดียว จนเป็นเหตุให้เขาถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง

งานนี้จะทำแบบลวกๆนำพาให้เกิดความเสียหายกับรัฐบาล และประเทศชาติอีกไม่ได้ อยากจะแจ้งให้ทราบนะว่า ถ้าเป็นนักกฎหมายของบริษัทเอกชนทีมกฎหมายชุดนี้ ต้องถูกไล่ออกเป็นที่เรียบร้อยไปนานแล้ว!

กลับมาที่ความพร้อมในการทำงานของรัฐบาลนายกฯแพทองธาร หลังเข้าเฝ้ารายงานตัวแล้ว

งานแรกที่ต้องทำและเคลียร์ให้ชัดก็คือ การปิดจ๊อบโครงการเติมเงิน 10,000 บาทจากกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะเปลี่ยนเป็นการแจกเงินสดแทนการจ่ายเงินจาก ระบบการชำระเงิน และเติมเงินแบบดิจิทัล

ตรงนี้ยังมีความสับสนกันอยู่ว่า 1.เงินที่จะนำมาแจกต่อหัว มีจำนวนเท่าใด 5,000บาท หรือ 10,000 บาท 2.เงินที่จะนำมาจ่ายให้ประชาชนมาจากไหน และ 3.ประชาชนกลุ่มใดจะได้รับเงินก่อน

ที่พูดกันมากว่า เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ คนป่วยติดเตียง และผู้พิการ จำนวน 14.5 ล้านคนน่ะ ใช่ตามนี้หรือไม่?

มิสไฟน์ เดินผ่านไปแถวๆสำนักงบประมาณ ได้ยินเขาหารือกันว่า โดยเหตุที่อนาคตข้างหน้า รัฐบาลเพื่อไทยประสงค์จะปรับโครงสร้างระบบการชำระเงินและเติมเงินให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินโลก

ข้อมูลที่มีประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” จึงมีความจำเป็นไม่น้อยไปกว่าข้อมูลที่กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารกรุงไทย จัดทำแอป “เป๋าตัง” เพื่อเปิดโอกาสให้คนยากจนลงทะเบียนใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง ชิมช็อปใช้ รวมๆกันคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีจำนวนราว 16.4 ล้านคนนั่นเอง

...

นัยว่า คนลงทะเบียนตามแอป “ทางรัฐ” มีอยู่ประมาณ 30 ล้านคน ถ้าแจกคนละ 10,000 บาท สิริรวมจะเท่ากับ 300,000 ล้านบาท แต่เงินในกระเป๋าสำนักงบประมาณมีแค่ 122,000 ล้านบาท บวกเงินในงบกลาง 43,000 ล้านบาท เต็มที่จะมีเงินในงบรายจ่ายปี 67 ที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.นี้ 165,000 ล้านบาท

เรื่องของเรื่องจึงคิดว่า ควรจ่ายเงินสดให้คนละ 5,000 บาทก่อน ภายในเดือน ก.ย.นี้ ส่วนที่เหลือจะจ่ายได้อีกทีในงบประมาณรายจ่ายปี 68 คือนับตั้งแต่เดือน ต.ค.67 เป็นต้นไป

ส่วนที่ว่า ใครจะได้ก่อน สำนักงบประมาณเสนอให้ใช้ข้อมูลของแอป “ทางรัฐ” ที่เป็นของรัฐบาลโดยตรงก่อน แต่นี่ก็ยังไม่ถึงกำหนดประกาศว่าใครมีสิทธ์ิได้เงินในโครงการนี้บ้าง

สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆว่า จะได้รับเงินไปก่อน เอาจริงๆตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คนกลุ่มนี้มีกำหนดจะลงทะเบียนได้ในวันที่ 16 ก.ย.-16 ต.ค.

ประเด็นที่อยากจะแจ้งให้ทราบคือ ใจเย็นกันสักนิด เนื่องจากโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ว่าเนี่ย มีคนคัดค้านเยอะ และไม่เห็นด้วยก็มาก หน่วยงานเกี่ยวข้องจึงขอเปลี่ยนชื่อเป็น โครงการภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจแทน.

มิสไฟน์

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม