แพ้ก็คือแพ้ ไม่ต้องงอแง ไม่มีข้อแก้ตัว ตามธรรมชาติทีมเด็กไม่มีกั๊กฟอร์ม ไม่กลัวเสียหน้า แบบที่ “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นำขบวนตั้งโต๊ะแถลงยอมรับความปราชัยในศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี

ยกธงขาวตั้งแต่เห็นตัวเลขบนกระดานหมดลุ้น โดนนำห่าง

ถือเป็นการประเดิมยี่ห้อใหม่ของกองทัพส้มอย่างเป็นทางการครั้งแรก ด้วยการเปิดหน้าสู้อย่างเต็มรูปแบบ ยกทัพหลวง เกณฑ์กันยกพรรค ทั้ง “ตัวพ่อ–ตัวแม่–ตัวตึง–ตัวจี๊ด” ยกโขยงลงพื้นที่หาเสียงกันสุดกำลัง

แต่ยังเอาบ้านใหญ่ไม่อยู่ พลังการเมืองใหม่ยังไม่แรงพอเจาะกำแพงระบบอุปถัมภ์วิถีการเมืองท้องถิ่น ไม่ผ่านด่าน “คะแนนจัดตั้ง” ในพื้นที่ไกลปืนเที่ยง

“ตำบลกระสุนตก” นอกเมือง ยังเป็นจุดเปราะบางของกองทัพส้ม

อย่างไรก็ดี กับตัวเลข 170,000 กว่าคะแนน ของผู้สมัครค่ายประชาชน สถิติตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี รอบที่แล้ว

มันบ่งบอกแนวโน้ม “แต้มฟรี” ยังมีในโลก

มันคือรหัสสัญญาณบวกที่แฝงอยู่ในความพ่ายแพ้ คำตอบว่า ทีมเด็กกองทัพส้มเดินมาถูกทาง ด้วยวิถีการเมืองใหม่ ยุทธวิธีลุยหาเสียงแบบถึงลูกถึงคน เดินสายปราศรัย แบ่งทีมเดินตลาด ไล่เคาะประตูบ้าน

ใช้แรงอุดมการณ์บวกความตั้งใจ สู้กับ “กระสุนดินดำ”

 แม้จะต้องใช้เวลาในการทำลายวิถี “ธนบัตรธิปไตย” แต่ไม่ได้สูญแรงเปล่า เค้าลางการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โจทย์การบ้านค่ายประชาชนที่ใกล้ความจริง

และตามรูปการณ์ทีมส้มก็นิ่งพอ ไม่เสียหลักกับสนาม อบจ.ราชบุรี

ยักไหล่แล้วลุยต่อทันที มุ่งไปที่สนามเก่ง “ศึกเมืองสองแคว” การเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา เจ้าของพื้นที่เดิม ที่โดนโทษแบนไปพร้อมกับการยุบพรรคก้าวไกล

...

นี่ต่างหากสนามเดิมพัน โยงการเมืองระดับชาติ

ตามจังหวะที่ “พ่อด้อมส้ม” อย่าง “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตัวเรียกแต้มของค่ายประชาชน ที่พักเบรกจากคิวงานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา บินกลับมาช่วยหาเสียงให้ลูกพรรค

ฝืนอาการ “เจ็ตแล็ก” เดินสายไม่พักจากราชบุรี ตีขึ้นเหนือ ยก “ทัพหลวง” ไปลงพื้นที่หาเสียงช่วย “หนุ่มโฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ผู้สมัคร “ตัวเต็ง” ของกองทัพส้ม เก็บแต้มชนชั้นกลางที่หนาแน่นในเขตตัวเมืองพื้นที่เศรษฐกิจ

“ประจัญบาน” กับมวยของพรรคเพื่อไทย ที่เคลมสิทธิพรรคร่วมรัฐบาล ส่ง “เสี่ยบู้” จเด็ศ จันทรา ข้ามเขตจากพื้นที่ตัวเองมาลงชนในเขตเมืองพิษณุโลก

โดยไม่ชัดว่า “เจ้าภาพหลัก” ที่อาสาเป็น “ทีมพี่เลี้ยง” จะเป็นใคร

อย่างที่เห็นยังมีแค่เบอร์หางๆอย่าง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โผล่ไปขึ้นรถแห่ประปราย

 ตามสถานะขาใหญ่ที่คุมโซนภาคเหนือตอนล่าง คือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข หัวขบวนก๊วนสามมิตร แต่อีกทางก็อยู่ในเขตอิทธิพล “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ “กองกำลังแฝง” สายตรง “นายใหญ่”

ในสภาพไฟต์บังคับ “แกนนำรัฐบาล” ทีมเถ้าแก่ใหญ่ หนีไม่ออก

เพราะถ้าไม่สู้ตั้งแต่ในมุ้ง ยอมแพ้บายให้ค่ายประชาชน มันจะเสียเชิงปลากราย เท่ากับตอกย้ำพรรคเพื่อไทย หัวขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ไร้น้ำยา

รับสภาพคะแนนนิยมตกต่ำ กระแสไหลดำดิ่ง

ที่แน่ๆศึกเดิมพันนี้ ถ้าเอาแค่ “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าค่ายเพื่อไทย ไม่เดินสายไปช่วยผู้สมัครลูกทีมหาเสียงด้วยตัวเอง

มันคงหนีไม่พ้นเสียงนินทา กลัวแพ้เสียหน้า จับไต๋เดาทาง “เถ้าแก่ใหญ่” ผู้ครอบครองลูกสาวคนสุดท้อง อาจกลัวเสียราคาผู้นำ ถ้าต้องประเดิมเก้าอี้นายกฯแพ้ศึกเลือกตั้ง

ดีเดย์ 15 กันยายนหย่อนบัตร เมืองสองแควต่างหาก สนามล้มเดิมพันของจริง.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม