ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ สถานการณ์การเมืองกำลังเดินเข้าสู่สงครามจิตวิทยาว่าด้วย “นิติสงคราม” ที่รุมทึ้งรัฐบาล “อิ๊งค์” หลังจากประชาธิปัตย์มีมติเอกฉันท์เข้าร่วมรัฐบาล เท่ากับเริ่มต้นนับหนึ่งรัฐบาลชุดใหม่เพียงแต่รอเคาะชื่อรัฐมนตรีเท่านั้น

322 เสียงที่สนับสนุนรัฐบาล เหนือกว่าฝ่ายค้าน 171 เสียงแน่นอน หากการตรวจสอบชื่อรัฐมนตรีครบทุกคนว่าผ่านมาตรการ “จริยธรรม” ไปได้ ก็จะได้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 อันดับที่ 31 ของประเทศไทย

จากนั้นก็แถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯอย่างเป็นทางการ ก็สามารถบริหารประเทศตามครรลองที่สมบูรณ์แบบ

นั่นมองในแง่ดีที่เป็นด้านบวก

แต่อีกด้านหนึ่งที่ควบขนานกันมาก็คือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมีทั้งผิดหวังถูกเขี่ยออกมา มีทั้งที่อยากเข้าร่วมแต่ขัดใจคนในพรรค

หรือไม่ได้อย่างหวังก็เล่นบท “ข่มขู่” ต่อรอง

"พลังประชารัฐ" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 1 ใน 3 ป. ที่เคยรุ่งเรืองน่าจะเจ็บปวดรวดร้าวที่สุด เพราะถูก “ลูกน้อง” ใกล้ชิดทำแสบ

อย่างที่มีการเหน็บแนมกันว่า “เอาเงินลุงไปซื้อเหล้า พอเมาแล้วหันมาเตะลุง” ทำนองนั้น แต่ด้วยเคยฟอร์มใหญ่มากบารมีมาก่อน

จำเป็นต้อง “กลืนเลือด” แล้วค่อยคิดบัญชีทีหลัง!

หลังประชุมพรรค ผู้แถลงข่าวระบุว่า “คนในครอบครัวเดียวกันไม่ทำร้ายกัน” อันหมายถึงกลุ่มของ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เมื่อถูกถามว่าจะขับออกจาก พรรคหรือไม่

พูดง่ายๆคือไม่ขับ แต่จะเก็บเอาไว้ให้อกแตกตายเอง...ว่างั้นเถอะ

แต่กลับหันไปเตือนนายกรัฐมนตรีด้วยความเป็นห่วงว่า “ไม่ซื่อสัตย์สุจริต” เนื่องจากทำผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้

...

นั่นแสดงว่ามีทีเด็ดพร้อมที่จะเล่นงานในอีกไม่ช้านี้

รวมถึงนักร้องประจำพรรคที่เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการยื่นคำร้องเพื่อเอาผิดอีกหลายประเด็น อย่างเช่นการลาออกจาก บริษัทต่างๆนั้น

ทำถูกต้องหรือเปล่า?

หรือที่ออกมาขู่ฟอดๆ อย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค “เสรีรวมไทย” ที่เพิ่งร่วมสนับสนุนมาหมาดๆ

แต่พอไม่มีชื่อในแคนดิเดตรัฐมนตรี

ก็ประกาศถอนตัวบอกว่าน้อยใจและจะเล่นงาน “ทักษิณ” พ่อนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อมูลบนตึก รพ.ตำรวจชั้น 14

ขู่ว่า “คุก” แน่  ไม่ว่าใครที่เกี่ยวข้อง!

อีกพรรคหนึ่งคือ “ประชาธิปัตย์” ที่เข้ารัฐบาลได้ 2 เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ก็เกิดปัญหาคุกรุ่นในพรรค เนื่องจากบรรดาผู้อาวุโสไม่เห็นด้วย โดยมีบรรดาแม่ยกออกโรงเชียร์

แต่เนื่องจากเป็นมติพรรคจำเป็นต้องปฏิบัติด้วยความขมขื่นใจ

ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ แม้รัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุนที่มั่นคง แต่มันก็เหมือนมีเสี้ยนตำเท้าเดินไปไม่ค่อยสะดวกนัก คือเจ็บแปล๊บๆอยู่ตลอดเวลา

ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามานี้ รัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำนอกพรรค ซึ่งน่าจะเป็นเป้าใหญ่ด้านหนึ่งต้องพารัฐบาลให้เดินหน้าไปได้ตามเป้าหมาย

อีกด้านหนึ่งก็ต้องแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นเป็นระลอก

ทั้งที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาก็มี

อีกส่วนหนึ่งจากสภาพความเป็นไปที่ฝ่ายตรงข้ามจ้องเล่นงาน

บางคนถึงกับทำนายว่ารัฐบาลอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงปีก็มี

ก็นี่แหละ...การเมืองไทยที่คาดเดาได้ยาก!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม