“พายัพ ปั้นเกตุ” สวน “ไพบูลย์” เลิกวุ่นวาย รัฐบาลแพทองธาร เหน็บ “พล.อ.ประวิตร” อยากเป็นนายกฯ เองก็ต้องใจเย็นรอการเลือกตั้งครั้งหน้า และควรใช้เวลานี้ดูแล สส. ในพรรคให้เป็นปึกแผ่น ไม่ใช่แตกยับเป็นก๊กเหล่า
วันที่ 30 ส.ค. 2567 นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวหา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผิดคำมั่นสัญญาจากการตัดพรรคพลังประชารัฐไม่ให้ร่วมรัฐบาล และอาจส่อผิดกฎหมาย ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า นายไพบูลย์ อาจจะเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะ 1. พรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเคยชวนพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลเพื่อช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แต่ไม่ได้ชวนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกจากรัฐสภา คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการลงมติจากรัฐสภา ดังนั้นหาก พล.อ.ประวิตร อยากเป็นนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องใจเย็นรอการเลือกตั้งครั้งหน้า พักรออยู่บ้านป่ารอยต่อ ชมนกชมไม้ไป รักษาสุขภาพให้ดี ให้แข็งแรงเอาไว้ มองโลกในแง่ดีเข้าใจว่าโอกาสข้างหน้ายังพอมี
2. นายไพบูลย์ควรแนะนำให้ พลเอกประวิตร ใช้เวลาระหว่างนี้ดูแลพรรคพลังประชารัฐให้ สส. เป็นปึกแผ่นสามัคคีกันไว้ให้เหนียวแน่น ไม่ใช่กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง หัวหน้าพรรคอยากไปทำเนียบรัฐบาล ลูกน้องขอไปกระทรวงต่าง ๆ จนวุ่นวายไม่เป็นเอกภาพ และ 3. พลเอกประวิตร ต้องทบทวนความจำตัวเองว่าเคยทำอะไรให้พรรคร่วมรัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทยให้หวาดระแวงวิตกกังวลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือเปล่า เช่น มติพรรคร่วมรัฐบาลให้ไปประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ไปประชุม
...
“ที่ผ่านมา มีเสียงนินทาว่าอดีต สว. หรือคนที่มีตำแหน่งต่าง ๆ และมีความใกล้ชิดกับ พลเอกประวิตร พยายามที่จะปลดอดีตนายกฯ เศรษฐาด้วย เรื่องนี้ พลเอกประวิตร ควรออกมาอธิบายชี้แจงให้ชัดเจนว่าเป็นความจริงหรือไม่”
และ 4. นายไพบูลย์ควรไปบอก พลเอกประวิตร ให้เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ไม่รู้กี่กลุ่มกี่เหล่า การปล่อยให้ภายในพรรคพลังประชารัฐ มีความสั่นคลอน ไม่มั่นคง อาจกระทบเสถียรภาพรัฐบาลที่นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร
“ขณะนี้คนไทยกำลังมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็กำลังพุ่งขึ้นทุกวัน ราคาสินค้าเกษตรก็ขยับสูงขึ้นมาก แนวโน้มส่งออกก็ดี การลงทุนจากต่างประเทศจะดีมากขึ้น บรรยากาศประเทศกำลังจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ หากหวังดีกับประเทศชาติจริง ๆ ก็ควรลดความต้องการของตัวเองลงเพื่อส่วนรวมเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง” นายพายัพ กล่าว