จะว่าไป การมาของ Temu จากจีน ไม่ได้มีแค่ข้อเสียที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี อย่างที่กลัวกันเท่านั้น
แต่ยังมีข้อดี ทำให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รุกขึ้นมาบังคับใช้กฎหมายที่ตัวเองมีอยู่อย่างเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น เพื่อดูแลการเข้ามาของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซต่างประเทศให้ดำเนินการทุกอย่างถูกต้อง รวมถึงควบคุมดูแลการไหลทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูก ไร้มาตรฐาน ที่เป็นอันตราย
เห็นได้จาก หลัง Temu เปิดตัวในไทยเมื่อปลายเดือน ก.ค.67 ได้ไม่กี่วัน “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีขณะนั้น สั่งการให้ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เร่งหาแนวทางรับมือ และแก้ปัญหาผลกระทบของผู้ผลิต และผู้บริโภคไทย
ไม่กี่วันถัดมา “นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อหาทางแก้ปัญหาเร่งด่วน และล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัดตั้ง “คณะทำงานระดับชาติ” ที่มีตัวแทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แก้ปัญหาภาพรวมได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ก่อนเสนอให้ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เห็นชอบ
อย่างไรก็ตาม วันที่ 16 ส.ค.67 กรมการค้าต่างประเทศ ได้เชิญเอกชน 30 กลุ่ม เช่น พลาสติกเครื่องนุ่งห่ม ของขวัญของชำร่วย เครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน เครื่องปรับอากาศ เครื่องจักรกลและโลหะการ เหล็ก เซรามิก แกรนิตและหินอ่อน เครื่องสำอาง อาหารเสริม เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ มาหารือ
เพื่อรับฟังสถานการณ์การนำเข้า และการแข่งขันทางการค้าระหว่างสินค้าของเอสเอ็มอีไทยกับสินค้านำเข้า รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งกรมจะรวบรวมทุกความเห็นนำเสนอในระดับนโยบาย เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาร่วมกัน
...
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการชี้แจงว่า สินค้านำเข้าสร้างผลกระทบต่อผู้ผลิต ภาคบริการ ลงทุน และผู้บริโภค จากปัญหามาตรฐานต่ำและราคาถูก การลักลอบนำเข้าทางชายแดน การสำแดงพิกัดที่เป็นเท็จ รวมถึงการเข้ามาตั้งธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและผู้บริโภคไทย
ดังนั้น ต้องการให้ภาครัฐเข้มงวดตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน, เสริมสร้างศักยภาพการผลิตและทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทย, ปรับปรุงกฎหมาย และความตกลงระหว่างประเทศที่ไทยทำกับประเทศต่างๆที่เป็นอุปสรรค และหากจะใช้มาตรการใดๆกับสินค้าที่จำเป็นต้องนำเข้ามาใช้เพื่อการผลิต เช่น สินค้าทุน วัตถุดิบ ฯลฯ ขอให้พิจารณาผลกระทบที่จะเกิดกับผู้นำเข้า ผู้ใช้ และผู้บริโภคไทยด้วย
หวังว่าการเด้งรับแก้ปัญหาของทุกหน่วยงานครั้งนี้ จะแก้ปัญหาและรับมือกับแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมถึงสินค้านำเข้าจากทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งควรมีการทำงานเชิงรุก เพื่อรับมือกับรูปแบบการค้าใหม่ๆ ไม่ใช่มีปัญหาที แก้กันทีเป็นกรณีๆ เหมือนทุกวันนี้!!
ฟันนี่เอส
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม