7 วัน หลังเปิดตัวพรรคประชาชน มีสมาชิกเฉียด 60,000 คน เกือบครึ่งในจำนวนนี้สมัครแบบตลอดชีพ ล่าสุด ยอดบริจาคทะลุ 25.4 ล้านบาท ยัน การรับบริจาคถูกต้องตามกฎหมาย

วันที่ 18 สิงหาคม 2567 นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน เปิดเผยสถิติการเติบโตของพรรคประชาชน ในวาระครบ 7 วัน ของการเปิดตัวพรรค หลังการประชุมวิสามัญเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ว่า พรรคประชาชนได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นคับคั่งจากประชาชน โดยมียอดสมาชิก ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2567 รวม 59,606 คน โดยคิดรวมทั้งการสมัครแบบออนไลน์และออฟไลน์

“แต่ที่น่ายินดีกว่าจำนวนสมาชิก คืออัตราการสมัครสมาชิกตลอดชีพ คิดเป็นสัดส่วนถึง 48% ของยอดสมาชิกทั้งหมด ในขณะที่พรรคก้าวไกล มีสัดส่วนสมาชิกตลอดชีพเพียง 7% เท่านั้น หมายความว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นในพรรคประชาชน และยินดีสนับสนุนพรรคอย่างจริงจังต่อเนื่องยิ่งกว่าในสมัยของพรรคก้าวไกล”

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

...

ส่วนการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการทำงานของพรรค นายศรายุทธิ์ ระบุว่า พรรคประชาชนได้รับบริจาคเงินเป็นจำนวน 25,451,968.02 บาท แบ่งเป็น การบริจาคออนไลน์ 24,962,872.02 บาท จากการบริจาค 31,045 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 804 บาท และการบริจาคแบบออฟไลน์ 489,096 บาท จากการบริจาค 431 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 1,135 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นการบริจาคจากประชาชนรายเล็กเป็นส่วนใหญ่ 

ทั้งนี้ ในจำนวนการบริจาคออนไลน์ 31,045 ครั้ง เป็นการบริจาคตั้งแต่ 201-999 บาท จำนวนมากที่สุด ถึง 16,300 ครั้ง ตามด้วยยอดบริจาคที่น้อยกว่า 200 บาท และยอดบริจาคระหว่าง 1,000-5,000 บาท ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่วนการบริจาคที่มากกว่า 5,000 บาท มีเพียง 326 ครั้งเท่านั้น โดยรายละเอียดทั้งหมด พรรคประชาชนจะต้องทำบัญชีรายงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมกับยืนยันว่า เป็นการรับบริจาคที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ส่วนประชาชนที่บริจาคให้พรรค อย่าลืมว่าสามารถนำยอดบริจาคไปลดหย่อนภาษีได้ ในมูลค่ารวมไม่เกิน 10,000 บาท 

ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน
ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน

ในตอนท้าย นายศรายุทธิ์ ยังเผยด้วยว่า ภารกิจการสร้างพรรคตอนนี้ สำคัญที่สุดคือการหาสมาชิกให้ได้ 100,000 คน ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อให้ได้สมาชิกเท่ากับในวันที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ นอกจากนี้ ยังอยากให้พรรคมีสมาชิกในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อให้เครือข่ายพื้นที่ทำกิจกรรมกับประชาชนได้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ยังกระจายอยู่ในหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา ชัยภูมิ อุดรธานี ขอนแก่น และระยอง.