ขอแสดงความยินดีกับคุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เข้ามารับมรดกทางการเมืองที่คุณทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา เก็บไว้ให้เสียที คุณแพทองธารแถลงข่าวหลังทราบผลโหวตของสภาฯเลือกให้เป็นนายกฯว่า จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมทำงานหนักเพื่อประชาชน สำหรับความกดดันสามารถจัดการได้ มายด์เซตของตนไม่เคยคิดว่าตัวเองดีที่สุด เก่งที่สุด แต่เรามีแรงผลักดันที่ชัดเจน และมีทีมที่ดีที่เป็นแนวทางเดียวกัน

มีการวิเคราะห์กันว่าจังหวะการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯครั้งนี้ เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่พ่อลูกชินวัตรตั้งใจไว้อยู่แล้ว เพราะประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่คุณทักษิณพ้นโทษพอดี สามารถเคลื่อนไหวบัญชาการได้อย่างอิสระ ก็จะมาเป็น นายกฯเงา และเป็น หลังพิงให้แก่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ซึ่งก็โชว์บารมีให้เห็นแล้วตอนเรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อเย็นวันที่ 14 ส.ค. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติสอยนายกฯเศรษฐา ทวีสิน

เมื่อดูตัวเลขทางการเมืองถือว่ารัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์เสียงแน่นปึ้ก มีสส.ยกมือสนับสนุนถึง 319 เสียง เป็นของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 310 เสียง และของ สส.ฝ่ายค้าน 9 เสียง จากพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคใหม่ กับพรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคละ 1 เสียง ต่อให้มีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคอยากออกฤทธิ์ออกเดช ก็ต้องยอมสงบเสงี่ยมเก็บทรงให้อยู่

หลังได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว นายกฯแพทองธารจะเร่งจัดตั้ง ครม.และร่างนโยบายรัฐบาลใหม่ ไม่ปล่อยให้ประเทศต้องชะงักเสียเวลานานๆ ถ้าเป็นจริงตามกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลล้วนยืนยันโควตาเดิมไม่สลับกระทรวง การจัด ครม.หนนี้ก็ไม่น่าจะวุ่นวายมากนัก

อาจจะมีปมเล็กน้อยตรง โควตา รมช.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะการปรับ ครม.ครั้งสุดท้ายในยุคนายกฯเศรษฐา ดันไปเพิ่ม รมช.คลังมาอีกคน จนมีรัฐมนตรีล้นกระทรวง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจาก รมช.คลัง ดังนั้นการจัด ครม.ใหม่ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยคงต้อง คืนโควตาที่เหมาะสม ให้พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงอาจจะมี รางวัลตอบแทน เสียงสนับสนุนของ กลุ่ม สส.ไทยสร้างไทย ด้วย

...

ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่มีปัญหาขาดความเป็นเอกภาพ ก็ต้องวัดใจคุณทักษิณว่าจะ ดีดทิ้ง หรือ ยังเก็บโควตารัฐมนตรี ไว้ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ความยุ่งยากที่สุดน่าจะอยู่ที่การวางตัวรัฐมนตรีภายในพรรคเพื่อไทยเอง จะจัดทีมอย่างไรให้สามารถสร้างผลงานเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา หลังจากที่นายกฯเศรษฐาทำเสียรังวัด ขยันแต่ไร้ผลงานที่เป็นรูปธรรม บริหารประเทศกว่า 10 เดือน ชาวบ้านจนลง ข้าวของแพงขึ้น ตลาดหุ้นดิ่ง ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นไม่กล้าเข้ามาลงทุน

ต้องยอมรับว่าตอนคุณเศรษฐาเป็นนายกฯ คนไม่ได้กรี๊ดกร๊าด พอโดนสอย ชาวบ้านก็ไม่ได้เสียดาย มีแต่เสียดายที่อาจชวดเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทมากกว่า ซึ่งถือเป็นจังหวะดีถ้าจะปลดล็อกล้มโครงการเจ้าปัญหานี้ ผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับเงินกู้ 5 แสนล้านบาทหรอก แถมมีช่องโหว่เสี่ยงผิดกฎหมาย

ปัญหาใหญ่ที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ต้องเร่งแก้ไขมีหลายอย่าง เช่น 1.ปัญหาเศรษฐกิจไทยชะลอตัว เลิกแจกเงินดิจิทัลแล้วเปลี่ยนมาทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแพ็กเกจใหญ่จะได้ผลกว่า 2.หนี้ครัวเรือน และหนี้เสีย พุ่งสูง 3.โรงงานและเอสเอ็มอีทยอยปิดกิจการ 4.สินค้าคุณภาพต่ำของจีนเข้ามาทุ่มตลาด ซ้ำเติมวิกฤติอุตสาหกรรมหลายกลุ่ม 5.ปัญหาพลังงาน ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มสูงขึ้น 6.ปัญหาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น

การจะแก้โจทย์ยากเหล่านี้ได้ ทีมรัฐมนตรีต้องเก่งจริง มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์บริหาร ทำงานเฉียบขาด รวดเร็ว ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็คงต้องดันคนหนุ่มสาวขึ้นมาหลายคน เพื่อปรับภาพลักษณ์เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ และช่วยสนองบัญชาของนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ เรามารอดูกันครับว่าส่วนผสมจะลงตัวแค่ไหน.

ลมกรด

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม