ประเทศไทยเกิดปรากฏการณ์ "แผ่นดินไหวทางการเมือง" 8-9 แมกนิจูด อาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องในรอบ 7 วัน แรงสั่นสะเทือนทำนักเลือกตั้งอาชีพตั้งลำกันไม่ติด ตั้งหลักกันไม่ทัน

จากคิวยุบพรรคก้าวไกลยังไม่หยุดสั่นไหว ก็ซ้ำด้วยคิวล้มกระดานนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ถูกตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง

ลงดาบฟันหลุดตำแหน่ง ฐานผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง

จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่ควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ เพราะเคยถูกศาลฎีกาสั่งขังในเรือนจำ ต้องโทษจำคุกจากปมถุงขนม 2 ล้าน

อาการถุงขนมเป็นพิษจริงๆอย่างที่หลายฝ่ายทักท้วงแล้วไม่ฟัง

สภาพ “พัง” เพราะ “ใบสั่ง” ตามสถานะของผู้นำที่ถูกอำนาจทับซ้อนกดดัน ทำให้นายเศรษฐาต้องกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของเมืองไทยในรอบ 16 ปี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ถอดถอนออกจากตำแหน่ง

หลุดวงโคจรอำนาจ นั่งเก้าอี้ได้ 358 วัน ไม่ครบขวบปี

ปิดฉากนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของเมืองไทย จังหวะรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ต้องกลับไปจุดเริ่มต้นนับหนึ่ง ในสภาพคณะรัฐมนตรีต้องหลุดจากตำแหน่งทั้งคณะตามนายกรัฐมนตรี

เซ็ตซีโร่ ล้างไพ่ ล้างกระดานกันใหม่

...

อันดับแรก สำคัญก่อนตำแหน่งใดก็คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามขั้นตอนเป็นอำนาจของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จะเป็นผู้กำหนดวาระ ซึ่งนั่นก็ไม่รอช้า มีการร่อนหนังสือนัดด่วนทันควัน เรียกประชุมสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 16 สิงหาคม

ตามจังหวะล้อกันเลยกับการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯในตำนาน ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ต่อสายระดมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ต้อนเข้าคฤหาสน์ “จันทร์ส่องหล้า” แทบจะทันทีทันใด หลังรู้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ปิดเกมเร็ว ล็อกชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯในบัญชีเพื่อไทย

แต่กลายเป็นตัดจบไม่ลงจากแรงกระเพื่อมภายในทีม “นายใหญ่” เมื่อ สส.เพื่อไทยรวมพลังไม่รับใบสั่งโหวตนายชัยเกษม ที่ติดปมจุดยืนเรื่องแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเป็นอดีตอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องคดีถุงขนม 2 ล้าน เป็นเหตุให้ต้องดันหลัง “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าค่าย ขึ้นแท่นนายกฯคนใหม่

ขัดใจ “นายหญิง” ไม่อยากให้ลูกสาวเสี่ยงภัย แต่ก็จำใจ ปล่อยตามเกม

ไฟต์บังคับ “เถ้าแก่ใหญ่” แทบจะไม่ปล่อยให้ฝุ่นตลบฟุ้งกระจาย ตามการคาดหมายของสื่อ สังคมทั่วไปโฟกัส 7 ชื่อ แคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรคที่มีสิทธิลุ้นตามระบบ

ไล่ตามลำดับเสียงหน้าตักจากบัญชีแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ถัดมาก็ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯในบัญชีพรรคภูมิใจไทย ตามด้วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกฯในบัญชีค่ายพลังประชารัฐ ต่อด้วย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ติดติ่งทิ้งท้ายที่ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรคประชาธิปัตย์

ตัดชื่อของ “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ออกจากสารบบแคนดิเดตนายกฯ เนื่องจากโมฆะไปพร้อมกับพรรคก้าวไกลโดนยุบ

เสรีนิยมหมดสิทธิ ปิดประตูเล่นกันเฉพาะขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม

ไฟต์บังคับรัฐบาลผสมสูตรพิสดารยังต้องกอดคอหนีตายจากสึนามิสีส้ม

ด้วยเหลี่ยมเก๋า ฟอร์มเขี้ยวลากดิน “ทักษิณ” รีบเบ่งกล้าม สำแดงพลัง “นายใหญ่” ยึดโควตานายกฯไว้ในมือเพื่อไทย ยึดตามกติการะบอบสภา พรรคเพื่อไทยถือแต้ม สส.141 เสียง มากสุดในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ต้องได้สิทธิจิ้มนายกฯก่อน

เหนืออื่นใดอำนาจยุบสภา อยู่ในกำมือของ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกฯอันดับหนึ่ง ในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี

“ไม้ตาย” อยู่ในมือ “นายใหญ่” ไม่ต้องขู่ก็รู้กันในเชิง พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่อยาก “ตายหมู่” จำใจต้องไหลตามน้ำ แห่แคนดิเดตนายกฯในบัญชีเพื่อไทย ขึ้นแท่นนายกฯคนที่ 31

แต่ในระดับความเบ็ดเสร็จที่ลดน้อยถอยลงตามธรรมชาติของพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทยที่มี “ตำหนิ” โดนศาลรัฐธรรมนูญ “ป้ายปูน”

เสียศูนย์จากการประเมินสัญญาณผิดพลาดของ “นายใหญ่”

พลังของยี่ห้อ “ทักษิณ” ไม่เข้มขลังเหมือนตอนฉีกขั้วเสรีประชาธิปไตย หักดิบทีมเด็กมาผสมพันธุ์ข้ามขั้วกับทีมอนุรักษ์นิยมเก่า

ทำให้ “ดีลลังกาวี” ต้องปรับกันใหม่ ตาม “ดุลอำนาจ” ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะกับการที่ค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย ที่ยึดสัมปทาน สว. สายสีน้ำเงิน คุมเกมในวุฒิสภา

“ครูใหญ่” เบียดแซงขึ้นมาทาบไหล่ “นายใหญ่”

“ทักษิณ ชินวัตร” กับ “เนวิน ชิดชอบ” ยังนัวเนีย พลิกกลับไปกลับมา ระหว่าง “มันจบแล้วครับนาย” หรือ “มันจบแล้วครับเน”

อาการแบบที่เหยียบตาปลา ขัดแข้งขัดขากันทุกจังหวะ สดๆ ร้อนๆ ที่ค่ายเซราะกราวโชว์ลูกเฮี้ยวขวางลำเมกะโปรเจกต์ “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” เรือธง ลำใหม่ของค่ายเพื่อไทย

เบรกขบวนแห่ “บ่อนพนันเสรี” ของทีม “นายใหญ่” หัวทิ่มหัวตำ

แก้ลำ เอาคืนแบบทีใครทีมัน จากที่โดนพรรคเพื่อไทยหักลำ “กัญชาเสรี” ขี่กระแสสังคมส่วนใหญ่หักดิบสายควัน พยายามดึงกลับเข้าบัญชียาเสพติด

อารมณ์เบียดแย่งกันถือธงนำขบวนอนุรักษ์นิยม “เนวิน-เสี่ยหนู” 2 น.ค่ายเซราะกราว ไม่ยอมหงอให้ “นายใหญ่” กดคอเหมือนตอนแรกแน่

ต้องออกฤทธิ์ ขอแชร์ส่วนแบ่งเค้กตามพลังมนต์เขมรที่กล้าแกร่งกว่าเดิม

จังหวะกระตุ้นชนวนป่วนแย่งเค้ก แชร์ส่วนแบ่งที่ไม่ลงตัว ยังจะลามไปถึงภายในค่ายรวมไทยสร้างชาติ ร่องรอยร้าวลึกจากศึกชิง “มรดกลุงคนดี” แตกแยกชัดเจนในสายตาคนนอก มองออกจากระยะ 100 เมตร

จากการแห่ “เสี่ยขิง” นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ ลูกเลี้ยง “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ก๊วน กปปส. จองโควตารัฐมนตรี เสียบแทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีต รมช.คลัง

เวนคืนโควตา “สปอนเซอร์ใหญ่” มาอยู่ในมือของ สส.พรรค

อาการขึงขังแบบที่ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าค่ายรวมไทยสร้างชาติ ประกาศปักหมุด แสดงตัวเป็นผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อรัฐมนตรีใหม่ของ รทสช.แต่เพียงผู้เดียว

สอดรับกับปฏิบัติการทลายขุมสมบัติกลุ่มทุน นโยบายรื้อแผนการสำรองพลังงาน การไล่บี้คิดภาษีน้ำมันเชื้อ เพลิงใหม่

ใครดีใครอยู่ ระหว่าง “เสี่ยตุ๋ย” กับ “สปอนเซอร์ใหญ่”

ยุทธการชิงมรดกลุงคนดี โควตารัฐมนตรีของค่ายรวมไทยสร้างชาติ ฟาดฟันกันหนักไม่มีใครยอมพลาดตกขบวนรถไฟรอบสุดท้าย ต้องคว้าไว้ก่อนพรรคพัง

ขบวนเกาะเอว “ลุงตู่” ดูดีแค่ภายนอก แท้จริงแล้ว “กลวงใน” แต่ที่กระเพื่อมหนักทั้งภายในแกว่งทั้งภายนอก ก็คือสถานการณ์ของ “ลุงในป่า” สภาพของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ

ที่ถูกมองว่า โดนขึ้นบัญชีดีหนึ่งประเภทหนึ่ง “ใบแดง” ไล่อัปเปหิพ้นรัฐบาล ตามสถานะ “ตัวปัญหา” ที่ “นายใหญ่” ขึ้นป้ายหมายหัว ข้อหาเป็น “ตัวป่วน” ขบวนอำนาจรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร

โดยพัฒนาการของเกมหักดิบกันแรงๆ บานปลายมาถึงจุด “สงครามสั่งสอน” ที่ “บิ๊กป้อม” เล่นเป็นไอ้เข้ขวางคลอง เตะสกัดคนของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรค

ตัดแต้มกันเอง แพ้ไม่เป็นท่าในศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ. ชัยภูมิ

“บิ๊กป้อม” โชว์ฤทธิ์ “ทหารเฒ่า” เอาคืน “กบฏผู้กอง” ที่รับซิกจาก “นายใหญ่” มาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย พปชร.เตรียมตั้งพรรค “กล้าธรรม” เป็นบ้านสำรองของ “กองกำลังแฝง” ที่ “นายใหญ่” ส่งมาประกบ “ลุงในป่า”

ว่ากันตามสภาพภายนอก “ลุงในป่า” เหมือน “ตะเกียงขาดไส้” ความขลังถดถอย แม้แต่การประคอง “น้องในไส้” อย่าง “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ยังเหนื่อย

แต่ขึ้นชื่อว่า “คนในป่า” ทหารเฒ่าบูรพาพยัคฆ์

พร้อมขย้ำเหยื่อที่ประมาท ย่ามใจ ดูแคลนได้ทุกขณะ จะจะเลย วิบากกรรมของนายเศรษฐาที่หลุดตำแหน่ง ก็มาจากฝีมือของอดีต 40 สว. ลากตั้ง ในปีกของ “บิ๊กบราเธอร์” ลากเข้าเงี่ยงคมดาบ ใต้อิทธิฤทธิ์ของ “องค์กรอิสระ” ที่ฝังกันมาตั้งแต่ยุค คสช.เรืองอำนาจ

มีดบินไม่เคยพลาดเป้า “คนในป่า” ยังมีพลังข่มขวัญ “นายใหญ่”

ตามโจทย์สถานการณ์ยาก ตัวแปรเปลี่ยนตามดุล อำนาจ นั่นย่อมส่งผลถึงการฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ เกลี่ยกระทรวง บนฐานเจรจาต่อรอง ต้องแชร์อำนาจ เกลี่ยเค้กกันใหม่

ยังไม่ต้องพูดถึงดิจิทัลวอลเล็ต เงินหมื่นของชาวบ้านจะฟาวล์หรือไม่

นาทีนี้ปากท้องของนักเลือกตั้งอาชีพต้องมาก่อน.

"ทีมการเมือง"

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม