ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ฉากทัศน์ทางการเมืองเปลี่ยนไปอีกฉากหนึ่งแม้เพียงแค่เริ่มต้นเดือนสิงหาคมเท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งสั่งยุบพรรค “ก้าวไกล” ไปเริ่มต้นใหม่ที่พรรค “ประชาชน” เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 ผ่านมาสดๆร้อนๆ 14 ส.ค.67 ก็มีคำสั่งถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี

16 ส.ค.67 สภาผู้แทนฯประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศนานเกินไป

อีกทั้งเป็นการป้องกันการแย่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะใครก็อยากเป็นกันทั้งนั้นถ้าโอกาสเปิดให้

การที่ “เศรษฐา” ต้องพ้นจากตำแหน่งไปนั้นว่าให้ถึงที่สุดคงเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย

เพราะก่อนหน้านี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ให้ความเห็นทำนองว่าไม่มีปัญหา เพราะไม่มีเจตนาทำผิดแต่ประการใด

“เศรษฐา” เอง ก็มีความมั่นใจมากขึ้นแม้จะกังวลใจบ้างแต่การได้ “วิษณุ เครืองาม” มาเป็นที่ปรึกษาก็เบาใจไปได้เยอะ

เผอิญว่านาทีนี้กับสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นแตกต่าง

งานนี้เห็นที “พ่อมด” ด้านกฎหมายคงต้องเผาตำราทิ้งแน่ เพราะมนต์เสื่อมไปเสียแล้ว จากนี้ไปคงขายชื่อไม่ได้แล้ว

อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบยังหวนกลับ มาหาอาจมอีก

ที่ชัดเจนก็คือคนสำคัญอีก 2 คน คือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ผู้จัดการรัฐบาลที่มั่นใจมากขนาดบินไปต่างประเทศตรงกับวันที่ศาลนัดชี้ขาดจนต้องรีบกลับมา แต่ทุกอย่างเดินหน้าไปไกลแล้ว

...

อีกคนคือ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไปต่างประเทศเช่นกันจนต้องรีบเดินทางกลับมาด่วน

เพราะทั้ง 2 คนนี้มีหน้าที่และความรับผิดชอบสำคัญ

แต่ความจริงแล้วว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นยังมีคนสำคัญที่จะตัดสินดำเนินการต่อไปได้เพราะในความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

“ทักษิณ ชินวัตร” จัดการให้เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว

ไม่ใช่แค่การทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเกาะกลุ่มไม่แตกแถวแล้ว ยังกำหนดตัวบุคคลที่จะส่งขึ้นไปโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย

นี่คือการเมืองไทยในปัจจุบันที่ดำรงอยู่

แต่การที่ “เศรษฐา” ต้องพ้นจากตำแหน่งกลางคันเช่นนี้ ย่อมทำให้พรรค “ประชาชน” ดูดีขึ้นไปอีก แม้จะโดนสั่งยุบพรรคไปแล้วก็ตาม

เพราะนับแต่รัฐบาลชุดนี้เข้าบริหารประเทศยังไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างใด จึงไม่สามารถสร้างคะแนนนิยมให้ปรากฏ

แล้วยังมาเกิดปัญหาอย่างนี้อีก ความน่าเชื่อถือจึงลดลงไปอีก

แม้จะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน แต่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ในการแบ่งงานและต้องมีรัฐมนตรีชุดใหม่

ก็จะเกิดปัญหาภายในได้เพราะใครได้ก็ดี ใครไม่ได้ก็เกิดแผลในใจ

ความไม่ราบรื่นก็จะปรากฏให้เห็น ต่อไป

“ดิจิทัลวอลเล็ต” โครงการประชานิยม แจกหัวละ 10,000 บาท ก็ไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ เพราะเดิมมีปัญหาอยู่แล้ว

อาจจะต้องยกเลิกก็ต้องเสียคะแนนนิยมอีก

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้แค่ไหน โดยเฉพาะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจยิ่งไปกันใหญ่

แม้จะมี “กุนซือ” ที่เก่งกาจก็ตาม

คู่แข่งทางการเมืองกำลังยิ้มรับกับความเป็นไปที่เกิดขึ้นอย่างมีความสุข!


"ลิขิต จงสกุล"

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม