วันเสาร์สบายๆ วันนี้เราคงต้องมาคุยถึง “อนาคตประเทศไทย” ต่อจากนี้ไป หลังจากที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 ถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 14 สิงหาคม 2567 ในข้อหาร้ายแรง “ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)” กรณีการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ทั้งที่รู้หรือควรรู้ว่า นายพิชิต เคยถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 เดือน ข้อหาละเมิดอำนาจศาล ส่งผลให้นายเศรษฐาต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯทันที รวมทั้ง ครม.ทั้งคณะด้วย

เขียนเรื่องนี้แล้วก็มีคำพูดประโยคหนึ่งวูบเข้ามาในสมองทันที เป็นคำพูดของ นายเติ้ง เสี่ยวผิง รัฐบุรุษผู้พลิกแผ่นดินจีนสู่ประเทศที่ทันสมัยในปัจจุบัน ท่านกล่าวว่า “อย่าตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ด้วยผลประโยชน์ของประเทศชาติ” ทำให้ประเทศจีนที่ยากจนสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับสองของโลกในวันนี้ สวนทางกับประเทศไทยที่อ่อนแอลงไปทุกวัน จากการ “ตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ด้วยผลประโยชน์ของชาติ” มาทุกยุคทุกสมัย

ทันทีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยถอดถอน อดีตนายกฯ เศรษฐา ในเวลาประมาณ 15.30 น. ก็เกิดการเคลื่อนไหวจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่พักของ คุณทักษิณ ชินวัตร ทันที แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทยอยเดินทางเข้าไปในบ้านจันทร์ส่องหล้า และกลับออกมาในช่วงหัวค่ำ และมีข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบให้เสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย เป็นนายกฯคนต่อไป ในวันที่ 16 สิงหาคม เป็นปฏิบัติการปิดเกมทางการเมืองในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ทว่า การตัดสินใจของเจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า ครั้งนี้ กลับมีเสียงไม่เห็นด้วยดังมาจาก สส.พรรคเพื่อไทยเอง ซึ่งต้องการให้ คุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็นนายกฯรัฐมนตรี

...

ผมได้เขียนวิเคราะห์ในฉบับวันพุธที่ 14 สิงหาคมว่า ถ้านายกฯ เศรษฐาไม่รอด พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ คุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯคนต่อไป จะเป็น นายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย และเป็น นายกฯคนที่ 3 จากตระกูลชินวัตร ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ชื่อของ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย เป็นข่าวไม่ทันข้ามวัน ก็มีการขุดผลงานในอดีตของ นายชัยเกษม ออกมาเปิดเผยกันมาก ที่สำคัญคือ เป็นผู้สั่งไม่ฟ้อง นายพิชิต ชื่นบาน ในคดีติดสินบน สมัยเป็นอัยการสูงสุด ทำให้ศาลฎีกาลงโทษ นายพิชิต ได้เพียงละเมิดอำนาจศาลจำคุก 6 เดือน สส.รุ่นใหม่เพื่อไทยจึงต้องการให้ คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคขึ้นเป็นนายกฯคนต่อไป แม้ว่า “นายหญิง” บ้านจันทร์ส่องหล้า จะดึงรั้งว่ายังไม่ถึงเวลา แต่สถานการณ์พรรคเพื่อไทยวันนี้คงไม่มีทางเลือกอื่น และ สส.เพื่อไทยส่วนใหญ่ ก็ต้องการ คุณแพทองธาร เป็นนายกฯมากกว่า คุณชัยเกษม

คุณสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สส.และกรรมการบริหารพรรคจะประชุมกันบ่าย 15 ส.ค. ก่อนเสนอชื่อนายกฯในสภา 16 ส.ค.

เมื่อถามว่า มติ สส.จะสู้มติกรรมการบริหารพรรคได้หรือไม่ คุณสรวงศ์ ตอบว่า แน่นอนมติของกรรมการบริหารพรรคต้องฟังมติของ สส. จะยกเหตุผลทั้งหมดมาคุยกัน ข่าวล่าสุดก่อนที่ผมจะปิดต้นฉบับ กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเห็นชอบให้เสนอชื่อ คุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯรัฐมนตรี และจะมีการแถลงข่าวกับพรรคร่วมรัฐบาลในเย็นวันเดียวกัน

ปัญหาใหญ่ของ คุณแพทองธาร ในฐานะนายกฯก็ไม่ต่างกับ คุณเศรษฐา ทวีสิน คือ ไม่เคยบริหารระบบราชการขนาดใหญ่ระดับ ประเทศมาก่อน และ ไม่เคยบริหารการเมืองในระบบรัฐบาลผสมมาก่อน จึงไม่มีประสบการณ์โดยสิ้นเชิง ต้องพึ่ง “พี่เลี้ยง” เป็นหลัก

เมื่อ คุณแพทองธาร ชินวัตร ได้รับการโหวตเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เธอก็จะเป็น นายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย และ เป็นนายกฯที่มีอายุน้อยที่สุดของประเทศไทยเพียง 37 ปี (เกิด 21 ส.ค.) เห็นที “นายกฯเงา” คงต้องลำบากทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่าทีเดียว การบริหารประเทศผ่านลูก ยากกว่าการบริหารผ่านลูกน้องเยอะ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม