ภูเก็ตนักท่องเที่ยวเพิ่มจากปี 62 กว่าเท่าตัว “เศรษฐา” ประชุมความพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือช่วงไฮซีซั่น และหาแนวทางป้องกันอาชญากรรม กำชับเข้มงวดความปลอดภัยสถานบริการ

วันที่ 11 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ โดยมีตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ กองทัพเรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต บริษัท การท่าอากาศยาน จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานความมั่นคง เข้าร่วมประชุมที่ท่าอากาศยานภูเก็ต

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะตำรวจ เตรียมความพร้อมรับมือกับการให้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดจากนักท่องเที่ยวกระทำความผิด หรือที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต เป็นจำนวนมาก โดยเห็นได้จากรายงานของ ทอท. แจ้งว่าในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 มีเที่ยวบินเข้าสนามบินภูเก็ตวันละ 20-30 เที่ยวบิน ซึ่งในช่วงไฮซีซั่นนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาลงที่สนามบินภูเก็ตวันละ 14,000-15,000 คน เท่ากับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต เดือนละ 600,000 คน เป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ทอท. ดูแลเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการลำเลียงกระเป๋าให้กับผู้โดยสาร ว่า ไม่ควรให้มีการรอเวลานานๆ อีกทั้งเรื่องการใช้ระบบตรวจสอบเอกสารแบบอัตโนมัติ เพื่อแบ่งเบาภาระให้ตำรวจตรวจคนเข้าได้บางส่วน ลดปัญหาการรอหน้าด่านที่ต้องไม่เกิน 30 นาที ในช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

...

ทางด้านตำรวจภูธรภาค 8 รายงานเกี่ยวกับมาตรการการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวและการป้องกันปัญหาอาชญากรรม โดยประสานไปยังกงสุลประเทศต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต เป็นจำนวนมาก ทั้งรัสเซีย จีน อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เพิ่มอาสาสมัครชาติต่างๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาของแต่ละชาติเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับเฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด หลังจากรัฐบาลมีนโยบายให้สถานบริการเปิดให้บริการถึงเวลา 04.00 น. ซึ่งที่ผ่านมาถือว่ามีผลตอบรับที่ดีและไม่มีปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากกองทัพเรือ โดยเฉพาะทัพเรือภาคที่ 3 ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยทางทะเล โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ปัญหาเรื่องเรือขนส่งผู้โดยสาร การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาที่ประสบภัย ตลอดจนเรื่องการช่วยเหลือและตรวจสอบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เข้ามาจอดและพักเพื่อท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต

อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐา ยังได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบเรื่องของประชากรแฝง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวและแรงงานที่เข้ามาทำงานใน จ.ภูเก็ต ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพำนักอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในระยะยาว โดยขอให้ประสานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องทางกฎหมายด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 18.03 น. นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุถึงการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่า ช่วงนี้นักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตเพิ่มจากปี 2562 กว่าเท่าตัว และคาดว่าจะเพิ่มมากกว่า 1.2 เท่าในช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงนี้ ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อม และหาแนวทางป้องกันอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ตนจึงได้หารือกับตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กองทัพเรือ การท่าอากาศยาน และหน่วยงานด้านความมั่นคง

นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า การประชุมมีการหารือทั้งในเรื่องการเพิ่มอาสาสมัครชาติต่างๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การท่องเที่ยวทางเรือ และการเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือกรณีมีผู้ประสบภัย การเพิ่มความรวดเร็วในการลำเลียงกระเป๋าของผู้โดยสารที่สนามบิน รวมไปถึงเพิ่มความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของสถานบริการที่ตอนนี้เปิดถึงเวลา 04.00 น. และการตรวจตราประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานใน จ.ภูเก็ต รวมถึงนักท่องเที่ยวที่อยู่แบบพำนักระยะยาว (Long Stay) ด้วย.