นายกรัฐมนตรี โพสต์ Muay Thai Village ภูเก็ต มีค่ายมวยนับสิบ นักท่องเที่ยวแห่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของไทย พำนักระยะยาว สร้างห่วงโซ่ธุรกิจท่องเที่ยว กีฬา แฟชั่น สู่รายได้ 

เมื่อเวลา 08.42 น. วันที่ 11 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก จั่วหัว ว่า “ภูเก็ตมีฝรั่งปิดซอยต่อยกันแล้วครับ” ก่อนจะระบุต่อไปว่า เพื่อนคนภูเก็ตบอกตนและให้ดูรูปค่ายมวยไทย ฟังแล้วน่าสนใจ จุดประกายต่อยอดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและธุรกิจเกี่ยวกับ Martial Arts ได้มาก ทั้งนี้ ในภูเก็ตนี่มีค่ายมวยกว่า 300 แห่ง ทั้งค่ายใหญ่ ค่ายเล็ก มีรูปแบบการสอนหลากหลาย 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเผยว่าเป็นค่ายมวยไทยแห่งหนึ่งที่หาดในหาน เป็นค่ายมวยขนาดกลาง มีครูประมาณ 30 คน ทำให้รู้ว่าที่ภูเก็ตมี Muay Thai Village ซึ่งตั้งอยู่ในซอยตาเอียด ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ในซอยนั้นมีค่ายมวยหลายสิบค่าย และค่ายที่ใหญ่สุดมีครูกว่า 100 คน มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนตลอด 1 ปีที่ผ่านมากว่า 80,000 คน มีเวที 12 เวที สำหรับจัดการแข่งขัน คิดดูว่าค่ายมวย 1 ค่ายนี้ จะนำมาสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขนาดไหน

นายกรัฐมนตรี เผยต่อไปว่า อย่างแรกเลย นักเรียนมวยเหล่านี้มาเรียนชกมวยคอร์สเริ่มต้นก็ 15 วันแล้ว และมีคอร์ส 1 เดือน จนไปถึงหลายเดือน บางทีก็มาเรียนกันทั้งครอบครัว เด็กเล็กๆ ก็มาเรียนกับพ่อแม่ด้วย และนี่ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เราต้องลงทุนไปกับการท่องที่ยว เมื่อพำนักระยะยาวแล้วก็มีธุรกิจตามมาหลายอย่าง แค่ในซอยตาเอียด ที่เดิมเป็นพื้นที่สวนยางพารา ชาวบ้านก็ปรับเปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นที่พักอาศัย มีร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านซักผ้า เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับรากฝอย กระจายรายได้ลงสู่ชุมชน

...

สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับค่ายมวยก็เป็นที่นิยม เช่น กางเกงมวยจากค่ายดังๆ ใส่กันไปทั่ว เป็นของขายที่มีราคา กางเกง เสื้อชื่อค่ายมวย ประเจียดคล้องคอ ประเจียดรัดแขน และมงคลประเจียด (ที่คาดหัว) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทำเงินให้กับผู้ผลิตและผู้ขายอย่างมหาศาล เมื่อนักเรียนมวยเรียนจบแล้วก็มีเวทีให้ขึ้นชก ขายบัตรเข้าชมได้ และเมื่อนักเรียนเหล่านี้ได้แต่งตัว ไหว้ครูขึ้นชกเหมือนเป็นมืออาชีพ มีรูปลงโซเชียลมีเดีย ก็ทำให้คนอยากมาเรียนกันอีก 

สุดท้ายที่น่ายินดีคือ ครูมวย คือนักมวยอาชีพที่เลิกชกแล้ว พวกเขาได้ทำหน้านี้สืบสานศิลปะการต่อสู้ของไทยอย่างมีศักดิ์ศรีและมีรายได้ นักมวยที่มีดีกรีได้ครองเข็มขัดแชมป์จากสนามมวยลุมพินี หรือสนามมวยราชดำเนิน ก็สามารถหารายได้ ได้ถึงชั่วโมงละ 2,000 บาท เท่ากับว่าอายุงานของนักมวยอาชีพไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นนักมวย แต่คือการเป็นเทรนเนอร์มวยไทยที่ยิ่งมากประสบการณ์ค่าตัวยิ่งสูงยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า “มวยไทยอยู่ใกล้ตัวคนไทย และเราชินที่จะเห็นมวยไทยเป็นแค่กีฬาขึ้นชกบนเวที แต่การเติบโตของค่ายมวยอย่างไทเกอร์ที่ตอนนี้เปิดที่สิงค์โปร์ ที่จีน หรือค่ายซิมบี้ ทำให้เรามองมวยไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Mix Martial Arts และมีโอกาสขยายเป็นธุรกิจท่องเที่ยว กีฬา แฟชั่น ไปจนถึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทย ทั้งหมดคือห่วงโซ่ทางธุรกิจที่จะสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้คนได้กว้างขวาง ผมอยากให้ทั้ง ฝรั่ง จีน แขก ไทย อยากมาปิดซอยเรียนต่อยมวยที่ประเทศไทยครับ”