มติ 9-0 เป็นเอกฉันท์ยุบพรรค “ก้าวไกล” ก็เป็นไปตามที่มีการคาดการณ์กันล่วงหน้าแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาแบบนี้คือยุบพรรค “ก้าวไกล” และตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารคนละ 10 ปี

ทั้งนี้ ศาลได้แก้ข้อโตแย้งของผู้ร้องในประเด็นต่างๆตกหมดคือศาลมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องนี้ การดำเนินการของ กกต.ถูกต้องตามขั้นตอน

ประเด็นสำคัญก็คือพฤติการณ์ของผู้ถูกร้องเข้าข่ายความผิด

1. ล้มล้างการปกครอง

2. เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทุกอย่างมีพยานหลักฐานยืนยันได้

ก็เท่ากับว่าคดีการเมืองที่เป็นหัวข้อสำคัญของประเทศได้จบลงไป 1 คดี เหลืออีกคดีคือถอดถอนนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ในวันที่ 14 ส.ค.67

อย่างไรก็ดีการยุบพรรค “ก้าวไกล” นั้นเมื่อศาลวินิจฉัยแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากมีผลต่อทุกองค์กร

เริ่มจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ สส.ทั้งหมดจนกว่าจะมีพรรคใหม่สังกัด

กรรมการบริหารทุกคนอย่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”-“ชัยธวัช ตุลาธน” ก็ต้องเว้นวรรคการเมืองไป 10 ปี

คนที่โดนหางเลขไปด้วยคือ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาผู้แทนฯ แม้จะย้ายไปสังกัดพรรคเป็นธรรมแล้ว แต่เคยเป็นกรรมการพรรค “ก้าวไกล” มาก่อนระหว่างที่เกิดปัญหา

ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลกใหม่ เนื่องจาก “ปดิพัทธ์” เป็น สส.เขต ไม่ใช่ สส.ปาร์ตี้ลิสต์

ก็ไปวัดความนิยมกันตอนนั้นเพื่อพิสูจน์ว่า “ก้าวไกล” ซึ่งต้องใช้ชื่อใหม่จะสามารถดึงความนิยมคืนกลับมาได้หรือไม่

...

ที่สำคัญก็คือบรรดา สส.ส่วนใหญ่ที่จะต้องหาพรรคใหม่ สังกัดนั้นจะเหลืออยู่กันกี่คนจะมี “งูเห่า” แหกคอกออกไปหรือไม่

พูดง่ายๆคือยังยึด “อุดมการณ์” ร่วมต่อสู้กันต่อไปหรือไม่

เพราะตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะหากไปด้วยกันหมดแบบเลือดสุพรรณก็จะเป็นผลดีต่ออนาคตทางการเมือง

แต่ถ้าไปไม่หมดก็จะเกิดปัญหาได้

ประเด็นที่น่าจับตาต่อไปก็คือทายาทรุ่น 3 ที่จะต้องนำพาพรรคให้เดินหน้าต่อไปนั้นจะมีใครกันบ้าง แต่เห็นมีหลายคนที่น่าจะนำทัพได้

ที่คนอยากเห็นกันก็คือ “ศิริกัญญา ตันสกุล” ซึ่งมีชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนหนึ่งจะได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นมายืนจุดนี้หรือไม่

เพราะหากเป็นจริงก็จะได้เห็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้หญิง 2 คน จาก “เพื่อไทย” และ “พรรคใหม่” ที่จะต้องสู้กันในทางการเมือง

เพราะ 2 พรรคนี้ต้องเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้งอย่างแน่นอน

ถ้าดูจากปรากฏการณ์ที่ผ่านมา “ศิริกัญญา” น่าจะเหนือกว่านิดๆ เนื่องจากมีประสบการณ์และความรู้ ความสามารถมากกว่า

แต่อีกคนนั้นแม้จะอยู่ใกล้ชิดวงในการเมือง แต่ความรอบรู้การเมืองนั้นยังเป็นรอง แต่เนื่องจากมีพี่เลี้ยงดีและมีความพร้อมหลายอย่าง

น่าจะทำให้การเมืองสนุกและเข้มข้นขึ้น!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม