“ธนกร-รัดเกล้า” ซัด “ปิยบุตร” หลังตั้งคำถามถึง “บิ๊กตู่” เป็นองคมนตรีต้องไม่แสดงออกฝักใฝ่พรรคการเมือง ลั่น ไปแสดงความเสียใจ “นายกฯ เศรษฐา” สูญเสียมารดา แนะ เอาเวลาไปให้กำลังใจพรรคการเมืองที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายดีกว่า

จากกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ระบุว่า องคมนตรีต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ พร้อมยกมาตรา 12 ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยมีเนื้อหาว่า “องคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง หรือข้าราชการเว้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์ และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ”

นายปิยบุตร ยังระบุให้ช่วยกันพิจารณาด้วยว่า กรณีการแสดงความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในงานศพมารดาของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทั้งกรณีพูดถึงรัฐบาล พูดถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นการแสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ หรือไม่ นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่าองคมนตรีพูดอะไรอีก เป็นการเหมาะสมหรือไม่ ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบกระเทือนถึงสถานะความเป็นกลางทางการเมืองขององคมนตรีหรือไม่ ส่งผลกระทบกระเทือนถึงพระราชสถานะความเป็นกลางของพระมหากษัตริย์หรือไม่

...

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.49 น. นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า อยากสื่อสารไปถึง นายปิยบุตร ที่ตั้งคำถามกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และภริยา ไปร่วมฟังสวดพระอภิธรรม นางชดช้อย ทวีสิน มารดาของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ที่วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการแสดงออกถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของคนไทย ความเอื้ออาทรของคนไทยในสังคมไทยที่มีต่อกันในวาระโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รัก

นายธนกร เผยต่อไปว่า ท่านองคมนตรีเดินทางไปร่วมงานของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ที่เพิ่งสูญเสียมารดาผู้เป็นที่รักและเคารพอย่างยิ่ง ท่านนายกฯ พร้อมครอบครัวก็ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง เป็นการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นการให้กำลังใจในวาระที่เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว เป็นทั้งความเมตตาและมารยาททางสังคม บุคคลที่ร่วมงานก็มีหลากหลาย ทั้งรัฐมนตรี สส.จากพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ก็ถือเป็นการร่วมแสดงความเสียใจกับนายกรัฐมนตรี ในงานท่านองคมนตรีก็ร่วมพูดคุยกับทั้งนายกรัฐมนตรี และ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึง สส. ให้ทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง ซึ่งเป็นความเมตตาของผู้หลักผู้ใหญ่ที่เห็นว่าการทำงานเพื่อประเทศชาติ ประชาชน เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องดีงามแล้ว 

“หวังว่าคุณปิยบุตร เมื่อทราบแล้วก็น่าจะพอแยกแยะออกถึงธรรมเนียมประเพณีอันดีงามในสังคมไทย ความเมตตาของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่ใช่นำทุกเรื่องมาโยงเป็นการเมืองไปเสียหมด”

ทางด้าน นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องเดียวกันในนามส่วนตัว ผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า ตามมารยาทในสังคม การเจอคนที่รู้จักกัน การทักทายกัน ถ้าไม่คุยอะไรกันเลยสิแปลก โดยปกติแล้วสิ่งที่ผู้ใหญ่ของบ้านของเมืองจะคุยกันก็ต้องเป็นเรื่องสารทุกข์สุกดิบของประเทศ ก็ไม่แปลกอะไร ถ้าจะมีอะไรที่แปลกก็คงที่ นายปิยบุตร ตีความว่าการทักทายเช่นนี้คือการฝักใฝ่ในพรรคการเมือง

นางรัดเกล้า เผยต่อไปว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้ว่าตอนนี้ท่านไม่ใช่สมาชิกแล้ว และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวตั้งแต่เป็นองคมนตรี การทักทายกันและบอกให้พรรครวมไทยสร้างชาติช่วยนายกรัฐมนตรีทำงาน ก็ไม่ได้แปลกอะไร และก็เป็นกลางทางการเมืองด้วย จริงๆ แล้วระหว่างเดิน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เจอคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็พูดเหมือนกัน นัยคือฝากฝังให้ทุกคนดูแลประเทศด้วยบทบาทหน้าที่ของตัวเอง สิ่งนี้ก็ไม่แปลก 

อีกทั้งนายกรัฐมนตรีเศรษฐา เพิ่งสูญเสียมารดา ซึ่งในห้วงเวลาของการสูญเสียท่านยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้กับคนไทยอย่างเข้มแข็ง การที่คนระดับองคมนตรีจะร่วมไว้อาลัย ร่วมให้กำลังใจ เป็นสิ่งที่เหมาะสมและเป็นไมตรีจิตที่สวยงามที่สุด จริงๆ ในระบอบประชาธิปไตยที่เราอยู่ การมีภารดรภาพต่อกัน การเห็นความเป็นพี่น้องกัน สำคัญเหนือความแตกต่างทางการเมืองเป็นสิ่งที่ควรจะมี ตนก็อยากเห็น นายปิยบุตร แสดงถึงวุฒิภาวะและเป็นแบบอย่างของการเมืองสร้างสรรค์บ้าง พร้อมตั้งคำถามว่า ใช้โอกาสนี้ในการตีความทางการเมืองเหมาะสมแล้วหรือ

“ที่แปลกใจคือคนที่มีคนจำนวนหนึ่งนับถือเป็นอาจารย์อย่างคุณปิยบุตร กลับมีตรรกะวิบัติ แยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือกาลเทศะ อะไรควรไม่ควรทำค่ะ ก่อนหน้านี้เนเน่ก็มองว่าคุณเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง วันนี้ทั้งแปลกใจและผิดหวังจริงๆ ค่ะ”

ในตอนท้าย นางรัดเกล้า เผยด้วยว่า การมานั่งจับผิดผู้ใหญ่ทั้ง 2 ท่าน มานั่งอ้างรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 12 เสียยืดยาว ทำเพื่ออะไร หากเป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ เกรงว่าจะทำผิดกฎหมายก็ขอขอบคุณในความหวังดี พร้อมแนะเอาเวลาไปให้กำลังใจพรรคการเมืองที่ นายปิยบุตร ฝักใฝ่ ที่ตอนนี้อนาคตแขวนอยู่บนเส้นด้ายจะดีกว่าไหม.