"บิ๊กทิน" เผย ผลสอบครูฝึก สั่งทหารแก้ผ้า พบผิดจริง ธำรงวินัยไปแล้ว สั่งยกเครื่องป้องกันการฝึกโหด จับครูฝึกตรวจสุขภาพจิต หวั่น เครียดสะสม เตรียมเปิดร้องเรียนออนไลน์ ให้ทหารชั้นผู้น้อยร้องเรียนตรงถึงผู้บังคับบัญชา


วันที่ 5 ส.ค. 67 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการหารือกับผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก กรณีพลทหารในสังกัดกองพันทหารม้าที่ 25 ที่ถูกส่งไปฝึกที่ฐานปฏิบัติการในตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และถูกลงโทษสั่งแก้ผ้า ว่า ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการทหารบกได้รายงานเป็นเอกสารมาแล้วแต่อยากเรียกมาสอบถามเพิ่มเติม จึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งผลการสอบสวนเรื่อง ที่จับทหารแก้ผ้า นี้เกิดขึ้นจริงตั้งแต่เดือนมีนาคม ส่วนอีกกรณีล่าสุด ก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งกองทัพบกได้สอบสวนลงโทษไปแล้ว แต่กระทรวงกลาโหมได้สอบถามไปว่า การลงโทษควรแก่เหตุและเป็นตามระเบียบและจะทำให้เกิดการเข็ดหลาบหรือไม่ ซึ่งจากการที่ดูระเบียบก็เห็นว่า การลงโทษได้เขียนรัดกุมอยู่ แต่นำตัวขึ้นศาลทหารมีขั้นตอนที่ซับซ้อน

ส่วนบทลงโทษของผู้บังคับบัญชา ได้รับการลงโทษธำรงวินัยไปแล้วเพื่อให้สังคมสบายใจ กระทรวงกลาโหมจะตั้งกรรมการไปตรวจสอบอีกครั้งว่า คนที่เกี่ยวข้องสมควรได้รับโทษแล้วหรือยัง จึงจะต้องมีคณะกรรมการส่วนกลางลงไป

ส่วนแนวทางป้องกันในอนาคต เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งสองกรณีไม่ได้เกิดขึ้นในค่ายทหารแต่เป็นเรื่องของการออกสนามชายแดน ที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ จึงมีการทำภารกิจเข้มข้น เพื่อพร้อมรบ ในสนามจึงมีมาตรการเข้มข้นกว่าอยู่ในหน่วยหรือมากกว่าในค่ายฝึก โอกาสที่จะเกิดการลงโทษที่เข้มข้นกว่าที่หน่วยฝึกจึงเกิดขึ้นได้ จึงสั่งการให้ออกมาตรการใหม่เพื่อป้องกัน การฝึกทหารใหม่ จึงให้สังคายนาระเบียบปฏิบัติทั้งหมด และต้องสอดส่องดูแลทหารให้เข้มงวด หากพบว่า การสอดส่องดูแลของผู้บังคับบัญชาหย่อนยานต้องลงโทษ

...

ส่วนการสอบสวนและการลงโทษหลังจากนี้ หากสอบสวนทางวินัยแล้วพบว่า ผิดกฎหมายอาญาก็ต้องขึ้นศาลทหาร ขณะเดียวกันจะยกระดับยกเครื่องการทำงานของจเรทหารโดยการเพิ่มอัตราของคนที่จะเข้ามาทำงานและมีเครื่องมือที่ทันสมัยครอบคลุมทั่วถึงเป็นหูเป็นตาให้กับผู้บังคับบัญชามากยิ่งขึ้น

ส่วนค่ายฝึกต่อไปนี้ให้ดูแลสุขภาพจิต ต้องตรวจสุขภาพจิตผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะครูฝึก เพราะมีโอกาสที่จะเกิดความเครียดและการลงโทษที่วิตถาร ต่อจากนี้ผู้บังคับบัญชาต้องไปดูสุขภาพจิตของครูฝึกให้ดี และมาตรการที่จะต้องทำขึ้นในวันนี้ คือ จะประชุมมอบนโยบายและกำชับพิเศษกับทุกกองทัพพร้อมกันตั้งแต่ผู้บัญชาการกองพลลงที่หน่วยขึ้นตรงทุกหน่วยซึ่งการประชุมสภากลาโหมครั้งหน้าจะพูดคุยเพื่อฝากไปถึงกำลังพลทุกระดับให้เข้าใจตรงกัน แนวปฏิบัติเดียวกัน

ขณะเดียวกันจะเปิดระบบการร้องเรียนออนไลน์ที่ส่งตรงถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อป้องกันการถูกปิดปากไม่ให้เกิดการรายงานหรือร้องเรียนในค่ายทหารของพลทหารชั้นผู้น้อยระดับล่าง หากเกิดกรณีที่ถูกทำร้ายแล้วไม่กล้าร้องทุกข์ หรือ บอกผู้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียก็เข้าถึงได้ง่ายมากปิดบังไม่มิด
หากผู้บังคับบัญชาไปทำแบบนั้น ก็จะโดนข้อหาเพิ่มเติม จึงจะตั้งศูนย์ออนไลน์ขึ้นมาให้ทหารผู้น้อยได้ร้องทุกข์โดยตรง

กรณีล่าสุด ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็จะให้ครูฝึกไปตรวจสุขภาพจิตทันที ส่วนเรื่องที่บอกว่า ครูฝึกเมานั้นผลสอบพบว่า เมาจริงและได้ลงโทษไปแล้ว ยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ปิดข่าวเพราะได้ลงโทษตามระบบในหน่วยไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะเอามาโพสต์หรือประชาสัมพันธ์เพียงแต่คนอื่นไปเอาสิ่งที่เขาทำมาขยายข่าวทีหลัง

นายสุทิน ยังกล่าวอีกว่า แม้จะเกิดข่าวทำร้ายร่างกายฝึกโหดของพลทหารในค่ายถี่ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการสมัครใจเป็นทหารและเชื่อว่า หลังจากนี้จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ปกครองได้อีกเพราะกระทรวงกลาโหมได้ออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อดูแล และให้ความเป็นธรรมกับทหารที่ถูกรังแก

ขณะที่ก่อนหน้านี้

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการสอบสวนกรณีการลงโทษ สั่งแก้ผ้าพลทหาร ที่ฐานปฏิบัติการนอแล จ.เชียงใหม่ ว่า ยอมรับเรื่องดังกล่าวผิดจริง ซึ่งการลงโทษกำลังพล พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.เน้นย้ำอยู่แล้วยึดระเบียบกองทัพในการลงโทษ โดยเฉพาะการลงโทษเกินกว่าเหตุ ซึ่งในเรื่องการข่มขู่ที่อาจจะมีภาพข่าวออกมา ยืนยันว่า คู่กรณีได้ถูกแยกกันออกจากหน่วยแล้ว สำหรับคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ จะเป็นผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่า ทุกเรื่อง ผบ.ทบ.กำชับให้ อยู่ในระเบียบวินัย สิ่งไหนที่ผิด ก็ต้องลงโทษ

ส่วนถามว่า ถึงขั้นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่นั้น ยืนยันว่า หากเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจริงๆ เข้าข่ายหลายกระทง เพราะ คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาต้องกำกับดูแลทหารที่อยู่ในฐานอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อห้าม และข้อที่ควรจะทำ ส่วนความผิดทางอาญา ข้อหาอนาจาร ขอดูในเรื่องข้อกฎหมายก่อน ซึ่งเรื่องมีฝ่ายการเมืองโดยคณะกรรมธิการการทหารมาดูแลเรื่องนี้แล้ว ยืนยันว่า กองทัพบกได้ประสานและพร้อมแชร์ข้อมูลทุกอย่างช่วยกันดูแลตรวจสอบ ผิดก็ว่าตามผิด

สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เผยถึงผลการสอบสวนที่ฐานปฏิบัติการนอแล จ.เชียงใหม่ ว่า ยอมรับเรื่องดังกล่าวผิดจริง ซึ่งการลงโทษกำลังพล พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.เน้นย้ำอยู่แล้ว ยึดระเบียบกองทัพในการลงโทษ โดยเฉพาะการลงโทษเกินกว่าเหตุ ซึ่งในเรื่องการข่มขู่ที่อาจจะมีภาพข่าวออกมา ยืนยันว่า คู่กรณีได้ถูกแยกกันออกจากหน่วยแล้ว สำหรับคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ จะเป็นผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่า ทุกเรื่อง ผบ.ทบ.กำชับให้ อยู่ในระเบียบวินัย สิ่งไหนที่ผิด ก็ต้องลงโทษ

"ส่วนถามว่า ถึงขั้นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่นั้น ยืนยันว่า หากเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจริงๆ เข้าข่ายหลายกระทง เพราะ คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาต้องกำกับดูแลทหารที่อยู่ในฐานอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อห้าม และข้อที่ควรจะทำ ส่วนความผิดทางอาญา ข้อหาอนาจาร ขอดูในเรื่องข้อกฎหมายก่อน" พ.อ.ริชฌา กล่าว.