“สรวงศ์” ย้ำ พท.ไม่คิดตกปลาในบ่อเพื่อน “ภูมิธรรม” โต้ปรับ ครม.แค่ข่าวปล่อย มั่นใจ “เศรษฐา” รอดคดี เลื่อนแถลงร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต “จิราพร” ไม่ว่อกแว่ก มุ่งหน้าแจกเงินหมื่น สพร.แจง “ทางรัฐ” มาตรฐานสูง ระบบป้องกัน ปลอดภัยชัวร์ สู้กับพวกแฮกเกอร์โจมตีระบบมาแล้ว “คารม” แซะก้าวไกลละเมิดศาล รธน. “วิโรจน์” สวนกลับทันที ชี้นำ ดักคอใครคิดเป็นงูเห่า ตายยกคอกมาแล้ว นายกฯ ให้กำลังใจ ตร.ท่องเที่ยว สั่งเพิ่มอัตรากำลังรับปีทองท่องเที่ยวไทย รทสช. แจ้งโควตาส่ง “ขิง” นั่ง รมต. โพลชี้คนไม่เชื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ

จากกรณีแกนนำพรรคก้าวไกลหลายคนออกมาจุดประเด็นมีพรรครัฐบาลเตรียมดูด สส.พรรคก้าวไกล หากโดนยุบพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคไม่มีความคิดดังกล่าว แต่ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้น ก็ต้องว่าไปตามข้อตกลงเดิมที่มีการพูดคุยตอนตั้งรัฐบาล

สรวงศ์ เทียนทอง
สรวงศ์ เทียนทอง

...

พท.ย้ำไม่ตกปลาในบ่อเพื่อน

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่ามีความพยายามจากพรรคร่วมรัฐบาลในการดูด สส.พรรค ก.ก.หากถูกยุบพรรคว่า ไม่ขอก้าวล่วงพรรคอื่น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน ในส่วนของพรรคเพื่อไทยในฐานะเลขาธิการพรรค ยืนยันว่าไม่มี เมื่อถามว่า จะมีผลอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ไม่น่ามีอะไร หากพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นก็ต้องว่าไปตามข้อตกลงที่เคยพูดคุยกันตอนร่วมตั้งรัฐบาล เมื่อถามถึงกรณีที่หากพรรค ก.ก.ถูกยุบ อาจมีปรับเปลี่ยนเรื่องเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ พรรคร่วมรัฐบาลต้องพูดคุยกันใหม่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ต้องพูดคุยกันแน่นอน แต่ยืนยันไม่อยากให้มีข่าวร้ายยุบพรรคใดๆทั้งสิ้น

ไม่ว่อกแว่กคดีถอดถอนนายกฯ

น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี วันที่ 14 ส.ค. จนมีกระแสข่าวอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ และอาจกระทบต่อการดำเนินโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า เชื่อมั่นว่าการดำเนินการที่ผ่านมาของนายเศรษฐาเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างมีความมั่นใจ ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกพาดพิงจะมาเป็นนายกฯแทน ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ คดีในศาลรัฐธรรมนูญของนายกฯไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โครงการยังเดินหน้าต่อไปตามเดิมจนสำเร็จ

มุ่งมั่นเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต

น.ส.จิราพรกล่าวว่า ตัวร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ที่จะมาทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เพิ่งผ่านสภาฯไป งบประมาณปี 2568 ที่จะมาใช้ในโครงการนี้ก็ผ่านวาระแรกแล้ว คาดว่าช่วงปลายปี 2567 ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยไม่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนตัวนายกฯ เรื่องเดียวที่พรรคกำลังมุ่งมั่นดำเนินการ คือการผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่กำลังเปิดรับลงทะเบียนอยู่ในเวลานี้ และได้รับความสนใจและการตอบรับจากประชาชนดียิ่ง

“อ้วน” โต้ปรับ ครม.แค่ข่าวปล่อย

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตลาดต้นพยอม ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก รัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า เท่าที่ทราบเป็นเพียงข่าวลือจากภายนอก ยืนยันนายกฯยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลและภายในพรรคเพื่อไทยเอง ไม่เคยมีการพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว เป็นเพียงแค่ข่าวลือไม่รู้ว่าผู้ปล่อยข่าวมีความประสงค์อะไร เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะมีการดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมตอบว่า เมื่อไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องไปพูดถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์จะมาร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ เป็นแค่การคาดเดาหลังศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีร้องถอดถอนนายกฯ วันที่ 14 ส.ค.นี้

มั่นใจ 14 ส.ค. “เศรษฐา” รอดคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ในทางที่เป็นลบกับนายกฯ จะส่งผลกระทบไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีคำว่าถ้า มั่นใจว่านายกฯ จะรอดแน่นอน ยืนยันว่า นายกฯ ไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อข้อกฎหมาย ดำเนินการ ทุกอย่างไปตามกระบวนการ เชื่อว่าทุกอย่างจะเดินหน้า ไปตามปกติ ไม่เกิดผลกระทบอะไรทั้งนั้น

ภูมิธรรม เวชยชัย
ภูมิธรรม เวชยชัย

เลื่อนแถลงร้านค้าที่เข้าร่วม

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการเลื่อนแถลงข่าวการ ลงทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมดิจิทัลวอลเล็ต จากกำหนดเดิมวันที่ 5 ส.ค. ไปเป็นเดือน ก.ย. ว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ไม่อยากให้ประชาชนสับสน เพราะขณะนี้ประชาชนทะลักเข้ามาลงทะเบียนกว่า 20 ล้านคนแล้ว คิดว่าให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน กว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะออกประมาณเดือน พ.ย.นี้ และช่วงเดือน ต.ค. เป็นช่วงที่เราลงทะเบียนร้านค้า ยังมีเวลาเหลืออีก 2 เดือน จึงเลื่อนการแถลงข่าวไปก่อนป้องกันการสับสน เอาเรื่องคนลงทะเบียนให้จบ เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สอบถามหน่วยงาน เอกชนต่างๆ รวมทั้งร้านค้าแล้ว มีร้านค้า ผู้ประกอบการแสดงตนมาเป็นล้านรายแล้ว หลังจากเคลียร์ชัดเจน เราจะบอกว่าประเภทร้านค้าแบบไหนอยู่ในลำดับที่เท่าไร และจะซื้ออะไรได้บ้าง ขอเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ถ้าลงทะเบียนบุคคลเรียบร้อยก็พร้อมชี้แจง ได้เลย เตรียมจัดทำคลิปวิดีโอทำความเข้าใจเรื่องนี้ ผ่านสื่อออนไลน์ สื่อทีวี สื่อหลักทั้งหมด ให้เกิดความชัดเจนไม่สับสน

“ชัย” ฟุ้งยอดลงทะเบียนทะลัก

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดมีคนลงทะเบียนตรวจสอบ ตัวตนแล้วกว่า 23.7 ล้านคน กระแสตอบรับยอดลงทะเบียนเป็นกำลังใจในการเดินหน้าทำงาน สู้กับเสียง คัดค้านด้อยค่า หวังผลทางการเมือง หน่วยงานจากทุกภาคส่วนร่วมอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน ให้กับประชาชนจากเดิมมีกว่า 5,000 จุด เพิ่มเติมที่ธนาคารกรุงไทย 900 จุด รวมเป็นกว่า 6,000 จุด ทั้งนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียม เจ้าหน้าที่ให้บริการอำนวยความสะดวกประชาชนตลอด เวลาทำการ ส่วนพี่น้องประชาชนกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.-1 ต.ค. รัฐบาลจะแจ้งวิธีการลงทะเบียนและจุดให้บริการอย่างเป็นทางการต่อไป

สพร.แจง “ทางรัฐ” มาตรฐานสูง

ด้านนางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) หรือ สพร. รักษาการแทน ผอ.สำนักงาน DGA หน่วยงานที่จัดทำแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” กล่าวว่า “ทางรัฐ” เป็นแอปพลิเคชันของภาครัฐ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชนที่มีการเชื่อมข้อมูล และบริการจากส่วนราชการต่างๆมาไว้ที่เดียวกัน ให้ประชาชนสามารถใช้บริการออนไลน์ของภาครัฐได้ในแอปฯ เดียวอย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมถึงเป็นช่องทางลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต การที่ประชาชนเข้าใช้งานแอปฯทางรัฐ จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ โดยการให้ถ่ายภาพใบหน้า และภาพบัตรประจำตัวประชาชน เอาไปเปรียบเทียบกับภาพใบหน้าและข้อมูลบัตรประชาชน ที่มีอยู่ในระบบ ของภาครัฐว่าตรงกันหรือไม่ หรือที่เรียกว่าการทำ KYC (Know Your Customer) ป้องกันไม่ให้ บุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูล หรือสวมสิทธิ์ เป็นมาตรการการป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ที่มีความน่าเชื่อถือแบบเดียวกับที่ธนาคารในประเทศไทย ใช้ (IAL 2.3) ตามประกาศของคณะกรรมการธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์

ยันระบบป้องกันปลอดภัยชัวร์

นางไอรดากล่าวว่า ปัจจุบันแอปฯทางรัฐเป็นเพียงช่องทางเชื่อมโยงข้อมูล และบริการจากหน่วยงานต้นทาง ไม่ได้เก็บข้อมูลประชาชนจากหน่วยงาน ต้นทางมาไว้ที่แอปฯทางรัฐแต่อย่างใด และข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูล และผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น นอกจากนี้ แอปฯทางรัฐมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนาระบบ ที่มีการเข้ารหัสข้อมูลและใช้เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนที่ทันสมัย โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ DGA ร่วมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์พัฒนาระบบที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและระบบเป็นหลัก มีการตรวจสอบและทดสอบระบบต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบเจาะระบบและแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ ทั้งก่อนให้บริการและระหว่างการให้บริการ ป้องกันการแฮ็กและการเข้าถึงข้อมูลและบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรฐานสากล อีกทั้งยังมีการใช้เทคโนโลยีป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในระดับสูง (State-of-the-Art Cybersecurity Protection) พร้อมทั้งมีการตั้ง war room เฝ้าระวังระบบและภัยคุกคามทางไซเบอร์

สู้กับพวกแฮกเกอร์โจมตีระบบได้

นางไอรดากล่าวอีกว่า สามารถพิสูจน์ได้จากวันแรกที่เปิดรับลงทะเบียน มีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามโจมตีระบบที่เกี่ยวข้องอย่างหนัก ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เปิดรับลงทะเบียน เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนกดเข้าใช้งานแอปทางรัฐจำนวนมหาศาล แต่แอปฯทางรัฐยังสามารถให้บริการได้ต่อเนื่อง สามารถรองรับการลงทะเบียนได้ถึง 18.8 ล้านคน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยระบบไม่ล่มและไม่มีปัญหาเรื่องข้อมูลรั่วไหล ส่วนประเด็นข้อสงสัยว่าแอปฯทางรัฐเป็นระบบเปิดที่เชื่อมต่อไปถึงบัญชีธนาคารของทุกคนหรือไม่นั้น ปัจจุบันยังไม่มีการเชื่อมกับบัญชีธนาคาร และไม่มีการเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชน อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลและบริการของตนเข้าสู่แอปฯทางรัฐเท่านั้น ภายใต้วิธีการเชื่อมต่อที่มีการควบคุมกำกับดูแล และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไป ภาคเอกชน หรือธนาคาร เชื่อมโยงข้อมูลบัญชีและระบบบริการกับแอปฯทางรัฐแต่อย่างใด แอปฯของธนาคารและผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ต้องเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลกับแพลตฟอร์มการชําระเงินกลาง (Payment Platform) ของภาครัฐ เพื่อรองรับการชำระเงิน ซึ่งเป็นคนละระบบกับแอปฯทางรัฐ

“วันชัย” จับยาม “เศรษฐา” รอดคดี

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เดือนสิงหา เศรษฐาต้องมากับทักษิณ” “อะไรจะช่างเหมาะเจาะเคราะห์ดีขนาดนั้น เดือน ส.ค.ปีที่แล้วเขาโหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายกฯ และ ส.ค.ปีนี้ก็จะโหวตให้คุณเศรษฐาหลุดพ้นคดี ทั้งปลายเดือน ส.ค. คุณทักษิณจะพ้นโทษ เป็นพญามังกรที่จะแผลงฤทธิ์ เป็นพญาอินทรีย์สยายปีก ดังที่ประกาศไว้เมื่อวันเกิดว่า เพื่อไทยต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปัญหาความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจต้องเร่งแก้ไข เป็นสัญญาณชัดว่าคุณทักษิณต้องออกมาขยับขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งไม่ได้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับหนึ่งได้หรือไม่ อยู่ที่พรรคร่วมยังแน่นปึกแข็งขันไปด้วยกันได้หรือไม่ ผลงานที่โดนใจออกมารึยัง อย่างที่เห็นรอยปริในพรรคร่วมเริ่มเกิดขึ้น ต้องรีบอุดรอยรั่วโดยปรับ ครม.ในเร็วๆนี้แน่นอน”

ถ้าแตกคอ “ทักษิณ” รัฐบาลจบเห่

นายวันชัยระบุอีกว่า “ดิจิทัลวอลเล็ตมาแล้ว คนหลายสิบล้านกำลังคึกคัก ถ้าได้เงินมาจับจ่ายใช้สอยคงระเบิดเถิดเทิงกันไปใหญ่ โครงการแลนด์บริดจ์ที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เรื่องแก้ปัญหาปากท้องประชาชนจะตามมารัวๆอีกมากมาย เป็นการสยายปีกทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ บ้านเล็กบ้านใหญ่จะกลับมาคึกคักทุกหัวระแหง ทั้งหมดต้องคุณทักษิณเท่านั้น เมื่อพ้นโทษแล้วจึงไม่มีอะไรต้องพะวงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป ต้องเดินหน้าเพื่อมาเป็นที่หนึ่งให้ได้ สิงหานี้จึงเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นที่ทั้งคุณเศรษฐาหลุดคดี และคุณทักษิณพ้นโทษ ต้องมาขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเพื่อไทยก็ไปไม่รอด!!”

คารม พลพรกลาง
คารม พลพรกลาง

“คารม” แซะก้าวไกลละเมิดศาล

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลวันที่ 7 ส.ค. ต้องยอมรับว่าไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่พรรคการเมืองใดกล้าท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์แบบพรรคก้าวไกล ก่อนนี้มีเพียงพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเท่านั้นที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ เป็นที่รับทราบกันทั่วไปว่าคนของพรรคก้าวไกลทั้งในและนอกสภาฯ มีการกระทำที่ทำให้คนอาจเข้าใจว่ามีลักษณะอาจเป็นการบ่อนเซาะ ทำลาย กัดกร่อนสถาบันฯ ใช้สถานะความเป็นฝ่ายนิติบัญญัติพยายามจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เป็นรั้วป้องกันสถาบันฯ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย มีการแสดงละครทำนองว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคการเมือง ถ้าประชาชนไม่เลือกพรรคนั้นจะถูกยุบเอง หากเป็นคดีที่อยู่ในกระบวนการศาลยุติธรรมอาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลได้ นอกจากนี้ยังมีการส่งข้อความไปถึงต่างประเทศ ให้ร่วมจับตาการวินิจฉัยคดียุบพรรคว่าไม่เป็นสากล นี่คือการไม่เคารพองค์กรศาล อาจแสดงถึงเจตนาที่จะนำองค์กรต่างประเทศเข้ามากดดัน ถือเป็นเรื่องอันตราย

“วิโรจน์” สวนหวังชี้นำศาล รธน.

ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวตอบโต้นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯว่า ต้องถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ที่นายคารมพูดเป็นการพูดในนามทีมโฆษกรัฐบาล หรือในนามส่วนตัว ตามข่าวระบุชัดเจนถึงสถานะเป็นรองโฆษกรัฐบาล สมควรหรือไม่ที่รัฐบาลมอบหมายให้ออกมาชี้แจงในลักษณะชี้นำศาลรัฐธรรมนูญเช่นนี้ การแถลงของพรรค ก.ก.แต่ละครั้ง เราเน้นเนื้อหาสาระ ชี้แจงในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่มีเป้าหมายเป็นการชี้นำศาล การใช้คำพูดในลักษณะชี้นำหรือข่มขู่ว่า หากมีคำวินิจฉัยอย่างนั้นอย่างนี้ จะเจออย่างนั้นอย่างนี้ อยากทราบว่านายกฯจะรับผิดชอบอย่างไร ถ้านายกฯไม่ตอบ หมายความว่ามีเจตนามอบหมายให้รองโฆษกรัฐบาลออกมาชี้นำศาลรัฐธรรมนูญในนามของรัฐบาล ถือว่าอันตรายมากๆ เท่ากับว่ารัฐบาลเห็นดีเห็นงามด้วยกับการแถลงเช่นนี้ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการชี้นำได้

มีตัวอย่างงูเห่าส้มตายยกคอก

นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวพรรครัฐบาลจ้องดูด สส.ก.ก.ว่า มีข่าวกระเส็นกระสายมาเป็นระยะๆ แต่เชื่อไม่น่ามี สส.คนไหนย้ายไป เพราะว่าเลือกตั้งปี 2566 สภาพการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว ที่นักการเมืองยุคก่อนบอกว่าอย่างไรก็ต้องเอาเงินไปซื้อต้องเอาเงินไปแจก ไม่อย่างนั้นประชาชนไม่เลือกมันไม่เป็นความจริงแล้ว เพราะปัจจุบันไม่มีเงินมาแจก แต่เอางานไปแลก ประชาชนเห็นคุณค่า ประชาชนเปลี่ยนจากการเป็นแค่ผู้เลือก กลายเป็นผู้สนับสนุน เรียกว่าหัวคะแนนธรรมชาติชาวบ้าน ต้องขอบคุณความตื่นตัวของประชาชนด้วย ที่ทำให้โอกาสเปลี่ยนแปลงประเทศเกิดขึ้น เลยไม่เชื่อการซื้อขายงูเห่าจะสำเร็จ หรือถ้ามีก็น้อยมากๆ เชื่อว่าคนที่เป็นงูเห่าจะถูกลงโทษจากประชาชนไม่แตกต่างจากงูเห่ารอบที่แล้ว

เรื่องโจ๊กวงในเอาถุงขนมมาล่อ

“มีพวกหมาหยอกไก่โยนหินถามทาง ขายขนมจีบ แต่พวกเราไม่ไป บางคนโดนทาบทามตามงานลงพื้นที่ กมธ.ต่างๆ จนเอามาเล่าเป็นเรื่องโจ๊กกัน เป็นเรื่องแซวขำๆเล่าสู้กันฟังในพรรค สส.เรารู้ทัน เช่น มีมาชวนไปกินข้าวบอกว่ามีของขวัญ มีขนมมาฝาก สส.เราก็รู้ทัน ถ้าไปคุยก็โดนถ่ายรูปแบล็กเมล์คู่กับถุงขนมสิ คิดว่าโง่รึไง ก็มาเล่ากันแบบสนุกปากมากกว่า ในพรรคไม่มีใครหลงกลหรอก เหมือนเขามาขายขนมจีบ พอเจอเบือนหน้าหนีบ่อยๆ อีกฝ่ายเขาคงท้อแล้วมั้ง” นายวิโรจน์กล่าว

นายกฯให้กำลังใจตำรวจท่องเที่ยว

เวลา 15.20 น. ที่ท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยว บริเวณสนามหลวง (ฝั่งวัดพระแก้ว) เพื่อให้กำลังใจ นายเศรษฐากล่าวถึงนโยบายหลักของรัฐบาล Ignite Thailand ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากว่า ตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันด้านเศรษฐกิจ และดูแลความปลอดภัย เท่าที่ติดตามวันนี้มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นอาสาสมัครจากหลายเชื้อชาติมาทำหน้าที่ อยากให้ปรับปรุงเสื้อของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ระบุว่ามีความถนัดภาษาอะไร มาจากประเทศใด ขอชื่นชมผบช.ทท.ที่จัดการได้ดี ตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นองค์กรที่ทำงานปิดทองหลังพระ วันนี้จึงมาให้กำลังใจและชื่นชม หากไม่ได้รับคำชื่นชมอย่าคิดมาก ขอให้ดูแลสุขภาพ ปีหน้าจะถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการท่องเที่ยวไทย ทำให้บทบาทของทุกคนถูกยกขึ้น และขอชื่นชมอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยงาน มาทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย

สั่งเพิ่มอัตรากำลังรับปีท่องเที่ยว

จากนั้นนายเศรษฐาขึ้นรถโมบายของตำรวจท่องเที่ยว พร้อมกับรับฟังรายงานปฏิบัติงานโดยเฉพาะเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลหมายจับกับตำรวจสอบสวนกลาง หากพบข้อมูลบุคคลต้องสงสัย สามารถสกัดจับได้เลย ที่ผ่านมาสามารถสกัดจับได้แล้ว 3 ราย นายกฯได้กล่าวชื่นชมและอยากให้เพิ่มเรื่องการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง และอยากให้เพิ่มตำรวจท่องเที่ยวสายตรวจจักรยานในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งที่ จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน มองว่าสายตรวจจักรยานมีความเป็นมิตรเข้าถึงง่ายกับนักท่องเที่ยว โอกาสนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้ขอเพิ่มอัตรากำลังพลที่ยังขาดแคลนอยู่ราว 150 อัตรา โดยนายกฯเห็นด้วยเนื่องจากรัฐบาลประกาศให้ปี 2568 เป็นปีมหกรรมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 เห็นว่าควรเพิ่มจำนวนตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

กิจกรรมแน่น ก.ย.-ต.ค.รับทัวร์จีน

ต่อมานายเศรษฐาเดินทักทายกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีไกด์นำคณะ ที่ตะโกนทักเป็นภาษาจีนแปลความได้ว่า “นายกฯเศรษฐาๆๆ” จากนั้นนายกฯได้สอบถามนักท่องเที่ยวโดยขอให้ไกด์แปลให้ว่า “ชอบเมืองไทยหรือไม่ ชอบอะไรในประเทศไทย มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยรู้สึกปลอดภัยหรือไม่” นักท่องเที่ยวชาวจีนตะโกนตอบว่าชอบ ชอบวัดพระแก้วพระที่สวยงาม มีผลไม้อร่อย รู้สึกว่าประเทศไทยปลอดภัยมาก นายกฯจึงกล่าวว่า หวังว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาประเทศไทยอีก ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนตอบว่าแน่นอน ช่วงท้ายนายกฯยังฝากประชาสัมพันธ์ว่าช่วงปลายเดือน ก.ย.ถึงต้นเดือน ต.ค. ถือเป็นช่วงโกลเด้นวีก มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยจำนวนมาก และประเทศไทยจัดกิจกรรมเยอะมากเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ก่อนที่นายกฯจะมอบพัดลมมือถือเป็นของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน และก่อนเดินทางกลับนายกฯยังร่วมถ่ายรูปกับตำรวจท่องเที่ยวด้วย

รทสช.แจ้งโควตาส่ง “ขิง” นั่ง รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลังมีกระแสข่าวการปรับ ครม. แต่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯยืนยันยังไม่มีแนวคิดปรับ ครม.เวลานี้ ขณะที่โควตารัฐมนตรีพรรค รทสช.ที่ยังว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง หลังนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจาก รมช.คลัง ล่าสุดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. ทำหนังสือถึงนายกฯแสดงเจตจำนงว่า โควตารัฐมนตรีของพรรค รทสช.ที่ว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง ขอสลับปรับเปลี่ยนภายในพรรค รทสช.เอง หากมีการปรับ ครม. ขอเสนอชื่อนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช. เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยหนังสือฉบับดังกล่าวส่งถึงนายกฯแล้วเมื่อวันที่ 3 ส.ค. เหตุผลที่พรรค รทสช.เสนอชื่อนายเอกนัฏ เนื่องจากทำผลงานในการเลือกตั้งและทำผลงานสภาฯเป็นอย่างดีมาตลอด และขณะนี้นายเอกนัฏถือว่าไม่มีคดีความติดตัวแล้ว

สุทิน คลังแสง
สุทิน คลังแสง

“สุทิน” เคลียร์ ผบ.ทบ.ปมซ้อมพลทหาร

วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการเผยภาพพลทหารกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน ยืนเปลือยกาย พร้อมระบุถูกซ้อมทำร้ายร่างกายระหว่างการฝึกที่ค่ายทหาร จ.เชียงใหม่ว่า วันที่ 5 ส.ค.นี้ จะเรียก ผบ.ทบ.เข้าพบเพื่อกำชับเรื่องดังกล่าว เรื่องลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของตัวครูฝึกที่ใช้การลงโทษรุนแรงเกินกว่าเหตุ และการที่ทหารมีกลุ่มมีก๊วน กรณีนี้หากพบว่ามีบุคคลกระทำความผิด ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบของกองทัพที่บังคับอยู่ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายเต็มที่ และขอให้ ผบ.เหล่าทัพ กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด

โพลชี้คนไม่เชื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ

อีกเรื่อง นิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง“Believe It or Not! ทางการเมืองไทย ตอนเดือนพิพากษา” ระหว่างวันที่ 25 ก.ค.-1 ส.ค. ถึงความเชื่อเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีในเดือน ส.ค. พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 45.42 ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 29.62 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 15.27 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 8.63 เชื่อมาก เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างที่ตอบว่า เชื่อมากและค่อนข้างเชื่อ ถึงตัวบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯคนใหม่จากพรรคร่วมรัฐบาล ร้อยละ 31.95 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 30.99 เป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 11.82 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้านความเชื่อเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองในเดือน ส.ค.นี้ ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 27.94 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 24.20 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 13.44 เชื่อมาก เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่าเชื่อมากและค่อนข้างเชื่อจะมีการยุบพรรค ความเป็นไปได้ที่สส.จากพรรคที่ถูกยุบ จะไปสังกัดกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนใหญ่ร้อยละ 40.97 ระบุว่าค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 27.99 ระบุว่าเป็นไปได้มาก ร้อยละ 16.84 ระบุว่าเป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 14.20 ระบุว่าไม่ค่อยเป็นไปได้ ส่วนเรื่องการพ้นโทษของนายทักษิณ ชินวัตร จะทำให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ร้อยละ 41.83 ระบุว่าไม่เชื่อเลย ร้อยละ 26.87 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 19.01 ค่อนข้างเชื่อ มีร้อยละ 11.45 ที่เชื่อมาก

“บิ๊กตู่” ร่วมฟังสวด “คุณแม่ชดช้อย”

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ศาลา 9 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพ นางชดช้อย ทวีสิน มารดาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งถึงแก่กรรมอย่างสงบ สิริอายุรวม 96 ปี โดยนายเศรษฐา และ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา พร้อมด้วยบุตรชาย และบุตรสาวให้การต้อนรับ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่