อุณหภูมิการเมืองสัปดาห์นี้จะพีกสุดในวันพุธที่ 7 ส.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต.ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค

คดีนี้จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ ที่พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งได้ สส.มากเป็นอันดับ 1 อาจถูกยุบพรรคจากการหาเสียงจะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งๆที่ สส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ในการออกกฎหมาย โดยผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ

วันศุกร์ที่ผ่านมาช่วงโค้งสุดท้ายก่อนตัดสินคดี คุณชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดแถลงข่าว “ปิดคดียุบพรรคก้าวไกล” แจกแจง 9 ข้อต่อสู้ในแง่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เมื่อไม่มีโอกาสแถลงต่อศาล ก็ขอแถลงต่อประชาชนแทน มีประเด็นน่าสนใจ เช่น

1.การพิจารณายุบพรรคการเมืองไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่มีเขตอำนาจเฉพาะเท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ กรณีใดที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ให้เป็นอำนาจพิจารณาวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญย่อมไม่มีอำนาจรับไว้ในการพิจารณาวินิจฉัยได้

2.การยื่นคำร้องคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการรับฟังคู่ความคดีทุกฝ่าย กกต.ส่งคำร้องต่อศาลทั้งที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่รอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นเกี่ยวกับคำร้อง

3.การเสนอคำร้องนี้เป็นข้อหาที่แตกต่างจากข้อหาในคดีเดิมตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 (คดีหาเสียงแก้ไขมาตรา 112) แต่ กกต.กลับไม่แสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใดๆ รวมทั้งไม่เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้รับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงโต้แย้งพยานหลักฐานก่อนเสนอคดีต่อศาล

...

4.นอกจากการนำเสนอนโยบายแก้ไขมาตรา 112 แล้ว การกระทำอื่นๆตามคำร้องมิได้เป็นการกระทำของพรรคก้าวไกล เนื่องจากไม่ได้เป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เป็นการแสดงออกส่วนตัว อาทิ กรณี สส.พรรคก้าวไกลไปปรากฏตัวในสถานที่ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งก็เป็นการไปร่วมสังเกตการณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มิได้จำเป็นว่าจะต้องเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องในการจัดชุมนุมนั้น

หรือกรณี สส.พรรคก้าวไกลใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีตามมาตรา 112 นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเห็นด้วยหรือสนับสนุนการกระทำของผู้ต้องหาหรือจำเลย (ตามหลักกฎหมายอาญา ให้ถือว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะตัดสินว่ากระทำความผิด ผมไม่เห็นว่าการที่ สส.ไปประกันตัวผู้ต้องหาจะเป็นเรื่องผิดตรงไหนเลย และถ้าเทียบกับอดีตนายกฯทักษิณที่โดนฟ้องคดี 112 ขนาดไม่ต้องมี สส.เป็นนายประกัน ก็ยังได้รับอนุญาตให้ประกันตัวได้)

5.การที่ สส.พรรคก้าวไกลเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้เป็นการใช้กำลังบังคับ หรือการกระทำโดยใช้ความรุนแรง เพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสิ้นสุดลง ไม่ได้เป็นการใช้อำนาจเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปเป็นระบอบการปกครองอื่น แต่เป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ

คุณชัยธวัชย้ำว่า ในอดีตเคยมีข้อเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 112 หลายครั้ง แต่ก็มิเคยนำไปสู่การล้มล้างการปกครองหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแต่อย่างใด

ผมไม่รู้ว่านี่จะเป็นเสียงตะโกนร้องครั้งสุดท้ายของพรรคก้าวไกลหรือไม่ แต่ได้ข่าวพรรคซีกรัฐบาลหลายพรรคเริ่มคุยอวดกัน นับยอด สส.พรรคตัวเองมีมากกว่าตัวเลขจริงในปัจจุบัน นัยว่าปิดดีลล่วงหน้าไว้แล้วครับ.

ลมกรด

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม